น่าห่วง! กว่า 4 ล้านครัวเรือนถูกผีพนันเข้าสิง

น่าห่วง! กว่า 4 ล้านครัวเรือนถูกผีพนันเข้าสิง

สังคมไทยน่าห่วง! กว่า4 ล้านครัวเรือนถูกผีพนันเข้าสิง เผยเม็ดเงินในวงจรเสี่ยงโชคสูงกว่า 3 แสนล้านบาท กระทบสถาบันครอบครัว ทั้งหนี้พุ่ง หย่าร้าง ถึงขั้นจ้างคนติดคุกแทน จิตแพทย์ห่วงวัยรุ่นถอนตัวไม่ขึ้นเพราะถูกกระตุ้นสมองส่วนอยาก จนสมองส่วนคิดที่ยังไม่สมบูรณ์เสียความมั่นคงเข้าขั้นติดพนัน สมาคมครอบครัวเสนอ “4 หยุด สร้าง 4”หยุดผีพนัน

น่าห่วง! กว่า 4 ล้านครัวเรือนถูกผีพนันเข้าสิงที่ห้องประชุมกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข สมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน และสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. แถลงข่าว “หยุดพนัน…หยุดภัยร้ายในสังคมไทย” พร้อมนำเสนอผลงานวิจัยสถานการณ์สุขภาวะของครอบครัวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2552 – 2554

ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ นักวิชาการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กรรมการสมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ได้ทำการศึกษาสถานการณ์สุขภาวะของครอบครัวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2552 จนถึง ปี 2554 จากครอบครัวไทยทั่วทุกภาคของประเทศ ปีละ4,000 ครอบครัว พบว่า ครอบครัวที่มีสมาชิกเล่นการพนันเป็นประจำ ในปี 2554 มีถึง ร้อยละ 26.7 หรือประมาณกว่า 4 ล้านครอบครัว ร้อยละ 55.1 หรือกว่า 8 ล้านครอบครัว ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นประจำ ร้อยละ 51.2 หรือกว่า 7.7 ล้านครอบครัวมีสมาชิกซื้อหวยใต้ดินเป็นประจำ ซึ่งเทียบกับ2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าสถานการณ์มีแต่ทรงกับทรุด ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

“ผลการวิจัยอย่างต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าครอบครัวไทยยังวนเวียนกับอบายมุขต่างๆ โดยเฉพาะการพนันที่เข้าไปใกล้ชิดและถูกจูงใจให้ติดได้ง่าย แต่เลิกยาก เพราะผลสำรวจทุกปีได้สะท้อนให้เห็นสถิติที่สูงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาครัฐไม่ควรออกนโยบายสนับสนุนการออกลอตเตอรี่รัฐบาล หรือหวยออนไลน์ มาเป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยติดการพนันมากขึ้น” ดร.วิมลทิพย์ กล่าว

นางสาวศิริพร ยอดกมลศาสตร์นางสาวศิริพร ยอดกมลศาสตร์ ศูนย์วิจัยปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์การพนันในประเทศไทยมีการขยายตัวค่อนข้างมาก ซึ่งการขยายตัวมีมากกว่าที่สังคมเมืองรับรู้ เนื่องจากเราเคยชินกับการพนันสมัยใหม่ เช่น บ่อน บอลยูโร พนันออนไลน์ แต่ในชนบทยังมีการพนันทายผลบอล การเล่นพนันตามแนวชายแดน พนันหวยข้ามแดน สิ่งเหล่านี้กระจายทั่วทั้งในเมืองและต่างจังหวัด แต่เราไม่มีระบบที่จะดูแลเด็กและเยาวชนของเรา นอกจากนี้สื่อต่างๆ ที่วางจำหน่ายตามร้านค้าก็เปิดเผยมากขึ้น รวมถึงการขายหวยที่มีอยู่ทุกที่ทุกเวลา สังคมจึงเสมือนถูกแวดล้อมด้วยสิ่งที่หนุนให้เกิดการเร่งเร้าสู่การพนันได้ง่ายขึ้น

“ศูนย์วิจัยปัญหาการพนันเคยศึกษาถึงจำนวนเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในวงการพนันไว้เมื่อปี 2553 พบว่ามีจำนวนการเล่นพนันสูงถึง 357,000 ล้านบาท โดยหวยใต้ดินมีจำนวนเงินพนันมากสุด 102,000 ล้านบาท รองลงมาคือสลากกินแบ่ง 76,000 ล้านบาท พนันในบ่อน 46,000 ล้านบาท กีฬาพื้นบ้าน จำนวน 45,000 ล้านบาท และพนันบอลจำนวน 38,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนั้นไม่มีทัวนาเมนท์ใหญ่และประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมบางพื้นที่ทำให้ตัวเลขอาจจะดูไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาการพนันที่ขยายตัวมากขึ้น ในระดับครัวเรือนจะเห็นว่าครอบครัวที่เล่นพนันมีปัญหาหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวอื่นๆ ตามมา ทั้งหย่าร้าง การขายที่ดิน และที่น่าตกใจคือมีการจ้างคนติดคุกแทนโดยให้ค่าจ้างวันละหลักพัน ปัญหาการพนันจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นที่การพนันพื้นบ้านขยายตัวมาเป็น 10 ปีโดยไม่มีการควบคุม”นางสาวศิริพร กล่าว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศาสนติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ทางสุขภาพจิตของคนเรามีการเสพติดในกลุ่มที่เรียกว่าพฤติกรรมเสพติด เช่น เสพติดการพนัน เสพติดอินเตอร์เน็ต หรือเสพติดการกิน เป็นต้น ลักษณะสำคัญของการเสพติดกลุ่มนี้เหมือนกับการเสพติดอื่นๆ คือ ถูกกระตุ้นความพึงพอใจหรือความตื่นเต้น ซึ่งเป็นการไปกระตุ้นสมองส่วนอยาก เมื่อสมองส่วนอยากถูกกระตุ้นมากๆ ก็จะมีผลไปควบคุมสมองส่วนคิด แม้รู้ว่าทำแล้วไม่ดีแต่ก็ยังทำพฤติกรรมเดิมๆ นั้นอยู่น่าห่วง! กว่า 4 ล้านครัวเรือนถูกผีพนันเข้าสิงกระทั่งเสพติด ทั้งนี้ สิ่งที่นำไปสู่การเสพติด คือ 1.การเสพสิ่งที่พึงพอใจหรือสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นไปเรื่อยๆ ไม่มีการจำกัดกระทั่งก้าวไปสู่การเสพติด และ 2.อยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยล่อแหลมเพราะร่างกายกำลังพัฒนาสมองส่วนหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิจารณญานและการตัดสินใจ การพัฒนาหมายถึงสมองส่วนนี้ยังไม่ไม่สมบูรณ์ หากไปกระตุ้นสมองส่วนอยากมากๆ สมองส่วนวิจารณญานที่ยังไม่มั่นคงพอก็จะเกิดอาการเสพติดได้ง่ายกว่าวัยอื่น เวลานี้การเสพติดจึงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมและของวัยรุ่น ดังนั้น จึงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน และถอยห่างออกมาสิ่งแวดล้อมที่อาจจะชักนำไปสู่การเล่นพนันได้ สำหรับเด็กและเยาวชน พ่อแม่ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมลูกเรื่องการใช้จ่ายเงินว่าผิดสังเกตหรือไม่ เพราะบ่งชี้ได้ว่าเด็กอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน

พ.ญ.พรรณพิมล วิปุลากร เลขาธิการสมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอผลการวิจัยเพื่อผลักดันให้สังคมไทยตื่นตัวจากการหลงมัวเมากับการพนันและอบายมุขต่างๆ ที่บ่อนทำลายครอบครัว โดยจะทำลายสภาพคล่องทางการเงินของครอบครัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะ ขัดแย้งกันนำไปสู่ปัญหาครอบครัวขาดความอบอุ่น ซึ่งแนวทางที่จะคืนความสุขสู่ครอบครัว ก็คือ “หยุด 4 สร้าง 4 ” คือ 1หยุด อบายมุข 2 หยุดภาวะหนี้สิน 3 หยุดความรุนแรงในครอบครัว ทั้งทางการใช้วาจา หรือกำลัง ทำร้ายกัน รวมทั้งการทอดทอดทิ้งกัน และ 4 หยุดการนอกใจคู่สมรส แล้วหันมา“สร้าง 4” ได้แก่ 1 สร้างการสื่อสารที่ดีในครอบครัว หันมาพูดคุยปรึกษารับฟังกัน 2. มีเวลาร่วมกัน ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันกับสมาชิกครอบครัว 3. แบ่งปันใส่ใจ ทุกคนในครอบครัว และ 4 ห่วงใยสุขภาพของทุกคนในครอบครัว

ที่มา: หนังสือพิมพ์astvผู้จัดการ

Shares:
QR Code :
QR Code