‘นิทานบนก้อนเมฆ’ สร้างพลังจิตใต้สำนึกให้เด็ก
ผมขอแนะนำชุดนิทานดีๆ ที่สนับสนุนโดย สสส. ไว้ประจำบ้านและโรงเรียนครับ หนังสือในชุดนี้มีทั้งหมด 8 เล่ม เป็นหนังสือต้นแบบในโครงการ “พลังจิตใต้สำนึก หนูน้อยใจเข้มแข็ง” โครงการนี้เริ่มทำนิทานต่อต้านการสูบบุหรี่มาก่อน ในปีต่อมาก็ทำเรื่องการต่อต้านการดื่มเหล้า
แนวคิดเกี่ยวกับพลังจิตใต้สำนึกกับนิทานนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ โดยเริ่มใช้นิทานกับเด็กปฐมวัยให้ซึมซับว่าเหล้าและบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี พอโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น แม้จะเกิดความอยากริอยากลอง แต่พลังจิตใต้สำนึกที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กจะต่อต้าน ทำให้ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกสิ่งเสพติดเหล่านี้ มีผลการวิจัยที่เก็บตัวอย่างมาเป็นสิบปี (รอเด็กคนเดียวกันโตเป็นวัยรุ่น) ผลออกมาน่าพอใจว่า อัตราเด็กที่เคยอ่านหรือฟังนิทานเกี่ยวกับเหล้าและบุหรี่ จะรับสิ่งเสพติดน้อยกว่าเด็กที่ไม่เคยอ่านนิทานเกี่ยวกับเรื่องเหล้าและบุหรี่เลย ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ในประเทศไทย จึงนำมาเป็นแนวทางในการริเริ่มโครงการชุดนิทานต่อต้านเหล้าและบุหรี่ให้กับเด็กไทยบ้าง
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการเปิดตัวชุดนิทานต้านเหล้าที่คุรุสภา มีคณะอาจารย์ผู้จัดทำนิทาน รวมทั้งผู้แต่งและผู้วาดภาพประกอบ มาให้ทรรศนะและเล่าความเป็นมาของนิทานชุดนี้ ในงานมีการแจกชุดนิทานให้กับสื่อมวลชนและเครือข่ายองค์กรงดเหล้าให้กับชุมชนต่างๆ อีกด้วย
ผมในฐานะที่เป็น 1 ใน 8 ผู้แต่งหนังสือต้นแบบในโครงการพลังจิตใต้สำนึก หนูน้อยใจเข้มแข็ง จะขอเล่าที่มาว่า เมื่อตอนเริ่มต้นโครงการปีที่แล้ว ทางคณะผู้จัดทำได้เชิญผู้ที่สนใจแต่งนิทานเข้ามาอบรมและแจ้งวัตถุประสงค์ของโครงการให้ทราบก่อน มีนักแต่งนิทานทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น รวมทั้งครูอนุบาลเข้ามาร่วมการอบรมพร้อมๆ กันราว 40 คน มีวิทยากรมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรรมวิธีผลิตเหล้าและเบียร์ มีนักวิชาการมาบอกถึงผลเสียของแอลกอฮอล์ที่ส่งผลร้ายต่อร่างกายและสังคม หลังจากนั้นมีอาจารย์มาสอนด้านการคิดพล็อต การแต่งเรื่อง และวิจารณ์ผลงานทีละชิ้น จะมีการคัดเลือกเรื่องที่ผ่านเข้ารอบ จนในที่สุดได้เล่มที่ดีที่สุดมา 8 เล่ม ได้แก่ “หยดเดียว” “มังกรน้อยผู้พิทักษ์” “สูตรลับน้ำสีทอง” “ภูตน้อยอยากเก็บดาว” “เกิดอะไรขึ้น” “สวนสวยของคุณกัมกั้ม” “ทองดี หมายอดนักขุด” และ “ติ๋งตั๋ง”
ผมขอยกตัวอย่างเรื่องที่ผมแต่ง “สูตรลับน้ำสีทอง” มาเล่าคร่าวๆ ให้ฟังว่า มีชายคนหนึ่งชื่อโต้ง เขากับสุนัขคู่ใจเห็นขวดน้ำลอยมา จึงเปิดออกมาพบว่ามีสูตรน้ำวิเศษที่โฆษณาชวนเชื่อไว้ว่ามีรสชาติอร่อย เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะแข็งแรง หน้าตาดี
โต้งไม่รอช้าออกตามหาส่วนผสมตามใบบอก ไม่ว่าสถานที่นั้นจะอยู่ไกลหรืออันตรายอย่างไร อาทิ น้ำจากพญานาค ดอกไม้จากไร่ยักษ์ตาเดียว หรือข้าวจากไร่ตั๊กแตนยักษ์ เขาก็ดั้นด้นไปหาวัตถุดิบมาปรุงน้ำวิเศษจนได้
โต้งต้มน้ำจนเดือดแล้วใส่วัตถุดิบลงไป หมักรอไว้ พอมาดู น้ำกลายเป็นน้ำสีทองมีฟองลอยปุดๆ ขึ้นมา โต้งไม่รอช้าอยากชิมไวๆ แต่แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกว่าเหม็นตุๆ แล้ว เมื่อโต้งดื่มน้ำสีทองเข้าไป แทบจะต้องบ้วนทิ้งทันที เพราะน้ำขม ไม่อร่อยเลย แถมกินเข้าไปแล้วหน้าแดง มีผดขึ้นทั่วตัว ปวดหัว จนเดินโซเซไปมาน่าอับอาย เมื่อผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาแล้ว โต้งพบว่าน้ำสีทองก็คือ เหล้า เบียร์ และสุราต่างๆ นั่นเอง เขาจึงตัดสินใจเทน้ำสีทองทิ้งทั้งหมด
ผมได้แนวการแต่งเรื่องจากตอนที่เข้าไปเยี่ยมชมการผลิตเบียร์ในโรงกลั่นจริงๆ ได้เห็นคำโฆษณาว่าใช้วัตถุดิบชั้นดี จนได้เบียร์รสชาติดี แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจว่า น้ำที่ได้จากส่วนผสมดีๆ เมื่อต้มและหมักจนกลายเป็นน้ำสีทอง กลับมีรสชาติขมและส่งผลเสียให้ร่างกาย ผมจึงสมมติให้นายโต้งเป็นตัวแทนของเด็กๆ เมื่อโตขึ้น วันหนึ่งเขาอยากลองดื่มน้ำสีทองที่บอกว่าดี จนพบด้วยตนเองว่าไม่จริง จึงต้องเทน้ำสีทองทิ้งเสียทั้งหมด
เรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างของนิทานเล่มหนึ่ง ส่วนนิทานอีก 7 เรื่องที่เหลือ ต้องลองไปอ่านดูครับว่าจะมีเรื่องราวที่สนุกและมีสาระอย่างไรกันบ้าง ที่แน่ๆ คือทุกเรื่องจะสอดแทรกความคิดที่ว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งไม่ดีไว้ และเสริมกิจกรรมและคำถามท้ายเล่มไว้ให้เด็กๆ ได้ชวนกันคิดชวนกันทำ นิทานชุดนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการสอนลูกและเหมาะสำหรับคุณครูไว้ใช้สอนลูกศิษย์ได้เป็นอย่างดีครับ
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต