“นายกฯ”ชูโมเดลดึง “วิชาการ-ท้องถิ่น-รัฐ”เดินหน้าปฏิรูปประเทศ

 

นายกฯ ชูโมเดลการทำงานปฏิรูปดึง ภาควิชาการ-ท้องถิ่น-ภาครัฐ ร่วมกันทำงาน /รับข้อเสนอท้องถิ่น ให้คำมั่นผลักดันกฎหมายหนุนกระจายอำนาจ อ้อน ผู้นำชุมชนร่วมแผนปฏิรูปฯ ฝากท้องถิ่นกู้ศักดิ์ศรีนักการเมือง

 

 

“นายกฯ”ชูโมเดลดึง “วิชาการ-ท้องถิ่น-รัฐ”เดินหน้าปฏิรูปประเทศ 

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนขอแลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกับท้องถิ่น ส่วนรายละเอียดข้อเสนอแนะจะถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลและกลไกอื่นๆเพื่อทำงานในเรื่องนี้ต่อไป ที่ผ่านมาตนให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งเสริมการกระจายอำนาจและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ตนได้เป็นประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจด้วยตนเอง ซึ่งพบว่ามีข้อขัดข้องมากและพยายามคลี่คลายในเรื่องกฎหมายและงบประมาณไปบ้างแล้ว ดังนั้นหากมีข้อขัดข้องสามารถเสนอผ่านคณะกรรมการกระจายอำนาจได้ เช่น ปัญหาอาหารกลางวัน เบี้ยเสี่ยงภัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพิ่งรับทราบถึงปัญหาฐานะการคลังที่หลายอบต.ผลิตผู้บริหารแต่ไม่มีเงินจ่าย ส่วนเรื่องกฎหมายท้องถิ่นที่ต้องปรับปรุง 4 ฉบับตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จในปี 2551 แต่ขณะนี้ยังค้างอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกานั้น ตนจะใช้แนวทางเร่งรัดด้วยการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในสภา

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความยากลำบากในเรื่องของงบประมาณซึ่งเกิดจากวิกฤติทางเศรษฐกิจในปี 2551 ทำให้มีปัญหางบอุดหนุนในปัจจุบัน  ส่วนข้อทักท้วงกรณีงบท้องถิ่นที่ไปอยู่ในงบรัฐบาลกลาง เช่น งบผู้สูงอายุ และอสม.นั้น ตนได้วางแนวทางไว้ว่าในปี 2553 จะถอดงบประมาณเหล่านี้สู่ส่วนกลางทั้งหมดและจัดสรรใหม่ เพื่อให้มีงบประมาณเพิ่มขึ้น 3% ของงบทั้งประเทศ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการทำงานเกี่ยวกับการเพิ่มเงินอุดหนุนไว้ล่วงหน้า สำหรับกฎหมายที่ดินจะช่วยให้ท้องถิ่นมีหลักประกันรายได้มากขึ้น เพราะต่างประเทศระบบภาษีที่ดินถือเป็นรายได้หลักของท้องถิ่น

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รูปธรรมการทำงานอย่างหนึ่งคือ กรณีศูนย์เด็ก ที่มีการถ่ายโอนแล้ว และจะตามด้วยการดูแลผู้สูงอายุที่มีการถ่ายโอนไปแล้วบางส่วน ซึ่งเมื่อถ่ายโอนแล้วไม่ใช่รัฐบาลไม่เข้าไปสนับสนุน จะเห็นว่าปีที่แล้วรัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาศูนย์เด็กเล็กโดยมีสถาบันราชภัฎเข้าไปดูแล และท้องถิ่นเข้าไปบริหารจัดการ โดยเป็นการทำงานร่วมกันของภาควิชาการ ภาครัฐและท้องถิ่น ซึ่งเชื่อว่างานในอนาคตรวมถึงงานปฏิรูปจำเป็นต้องใช้รูปแบบที่คล้ายกัน โดยท้องถิ่นมีบทบาทและรัฐบาลเข้าไปสนับสนุน  

 

สำหรับการปฏิรูปนั้นถือว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นมีความครอบคลุมทั้งประเทศ และยังซ้อนกันอีกด้วย เพราะทุกพื้นที่มีอบต. เทศบาล อบจ. และเป็นหน่วยย่อยที่ใกล้ชิดประชาชน ดังนั้นหากท้องถิ่นทั้งหมดขับเคลื่อนในเรื่องนี้ โดยท้องถิ่นจะต้องมีบทบาท และรัฐบาลก็พร้อมที่จะสนับสนุน   

 

ในส่วนการเยียวยา ที่ผ่านมา ดำเนินงานโดยส่วนกลางค่อนข้างมาก แต่จากนี้ไปท้องถิ่นจะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งตนพร้อมนำข้อเสนอของแต่ละท้องถิ่นเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. นอกจากนั้นทุกหน่วยงานที่ทำงานด้านการเยียวยาจะต้องประสานกับ อปท.เพื่อให้การเยียวยาตรงกับความต้องการประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งตนทราบว่ายังมีปัญหาอยู่บ้าง จึงอยากให้ท้องถิ่นซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ เข้ามาบทบาทมากขึ้น

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการทำงานปฏิรูปฯ และแผนการปรองดองจากนี้จะขับเคลื่อนอย่างหลากหลาย ไม่เฉพาะรัฐบาลเท่านั้น แต่จะมีคณะกรรมการชุดต่างๆ เข้ามาขับเคลื่อน โดยเฉพาะคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ที่มี ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน  จะทำงานประสานท้องถิ่น ระดมความเห็นผ่านกลไกสมัชชา เพื่อให้ทุกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการในรูปแบบต่างๆ และกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีองค์กรเอกชน และภาคประชาชนที่ได้ริเริ่มงานปฏิรูปด้วยตัวเอง อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ(ส.อ.ท.) ได้เริ่มประสานรับฟังความเห็นร่วมกับหน่วยงานในระดับจังหวัด  ซึ่งตนเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวนี้จะทำให้การระดมความคิดเห็นของประชาชนเป็นไปในลักษณะจากล่างขึ้นบน  และสะท้อนข้อเสนอและความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอในวันนี้ ตนจะรับไปพิจารณาว่าจะต้องนำไปสู่การจัดตั้งองค์กร หรือหน่วยงานใดขึ้นมาสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สิ่งสำคัญที่สุด คือการสร้างอาชีพ แก้ปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน ซึ่งท้องถิ่นมีบาทบาทสำคัญในการออกแบบนโยบายให้ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่มากที่สุด ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าการจัดระบบสวัสดิการ ซึ่งท้องถิ่นจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญเพราะเป็นผู้ที่มีฐานข้อมูลสวัสดิการต่างๆ ของประชาชนในพื้นที่มากที่สุด โดยเฉพาะข้อมูลที่การดำเนินการโดยส่วนกลางยังเข้าไม่ถึง

 

ท้องถิ่นมีสื่อหลากหลาย อาทิ วิทยุชุมชน สิ่งพิมพ์ เคเบิ้ลทีวี ซึ่งรัฐบาลไม่ได้คิดจำกัดเสรีภาพ แต่ขอให้สื่อทำงานอย่างสร้างสรรค์ ความคิดต่างๆ ที่มีหลากไม่ผิด แต่หากเรื่องใดที่ผิดกฎหมายต้องช่วยกันบริหารจัดการ ท้องถิ่นจะต้องทำความเข้าใจ และเชื่อมโยงกับประชาชน เพราะปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ปฏิเสธว่ามีจุดเริ่มต้นจากการเมืองระดับชาติ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทำอย่างไรที่จะขจัดความขัดแย้งนักการเมืองระดับชาติไม่ให้ลุกลาม  และท้องถิ่นสามารถเข้ามามีบทบาท ไม่ทำให้สถานการณ์บานปลายมากขึ้นได้ ทำอย่างไรไม่ให้การเมืองท้องถิ่นผูกกับระดับชาติ ซึ่งตนคงต้องฝากนักการเมืองท้องถิ่นช่วยกอบกู้วิกฤติ ทำการเมืองให้ปราศจากปัญหาทุกจริตคอรัปชั่น การแก่งแย่งที่ไม่สร้างสนรค์ ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นหัวใจของความสำเร็จในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าว สสส.

 

 

update :05-07-2553

อัพเดทเนื้อหาโดย :คีตฌาณ์ ลอยเลิศ

Shares:
QR Code :
QR Code