นวัตกรรมการพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพสุดเจ๋ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
พยาบาล ถือเป็นบุคลากรในวงการสุขภาพที่มากที่สุดของประเทศถึง 200,000 คน หากคนกลุ่มนี้ทำงานเชิงรุกเรื่องการ "ป้องกัน" สุขภาพ มากกว่าการรักษา ย่อมสะเทือนถึงการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน
ในการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศูนย์เรียนรู้และนวัตกรรมทางการพยาบาลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับสภาการพยาบาล และคณะพยาบาลศาสตร์ 5 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เชียงใหม่ บูรพา มหิดล สงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ 2-3 มิถุนายน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม.ได้มีการประกวดผลงานนวัตกรรมการพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพที่น่าสนใจจากทุกภาคของประเทศ
ศ.เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนวิชาชีพการพยาบาลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ให้ข้อมูลว่า จากการสำรวจการทำงานของพยาบาลพบว่า ส่วนใหญ่ทำงานเฉพาะหน้าด้านการรักษา การทำงานสร้างเสริมสุขภาพจึงน้อย หากปรับวิธีคิดและวิธีการทำงานจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างมหาศาล สสส.จึงทำงานร่วมกับสภาการพยาบาล และคณะพยาบาลศาสตร์ จาก 5 มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตรพยาบาลนักสร้างเสริมสุขภาพ ทดลองใช้กับนักศึกษาพยาบาล พยาบาลวิชาชีพ และพยาบาลเฉพาะทาง ในพื้นที่ของเครือข่ายองค์กรวิชาชีพทั้ง 5 ภาคของประเทศ โดยมีการประเมินผลและปรับปรุงก่อนนำหลักสูตรไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และมีการพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับพยาบาลในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานสร้างเสริมสุขภาพในระบบบริการสุขภาพซึ่งถือเป็นชุดแรกของไทย พร้อมกับมีศูนย์เรียนรู้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ 30 แห่ง กระจายใน 5 ภูมิภาค ซึ่งได้ศึกษาแนวคิดการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนา พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อเป็นพื้นที่เรียนรู้แก่คนทำงานและดูแลสุขภาพเชิงรุกเพื่อสร้างความสุขของประชาชน รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ
สำหรับ ผลงานนวัตกรรมการพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพดีเด่นในปี 2560 รศ.ดร.วรรณภา ศรีธัญรัตน์ ประธานคณะกรรมการประกวดนวัตกรรมทางการพยาบาลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ในการตัดสินจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม จากนวัตกรรมทั้งหมด 46 เรื่อง ประกอบด้วย กลุ่มแรก คือ นวัตกรรมที่ได้พัฒนาในศูนย์เรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ แล้วมีการต่อยอด ขยายผล ซึ่ง นวัตกรรมดีเด่นคือ "โครงการงานศัลย์ฯ ก้าวไกล….ใส่ใจสุขภาพ" ของพยาบาลศัลยศาสตร์และศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศิริราช เป็นการออกแบบวิธีการสร้างเสริมสุขภาพของพยาบาลผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากต้องเข้าเวรสลับเปลี่ยนทุก 24 ชั่วโมง ทำให้ 40% ของพยาบาลในแผนกมีน้ำหนักเกิน และ 80% ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงออกแบบโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพโดยตรวจสุขภาพก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมส่งเสริมให้เดินวันละ 10,000 ก้าว โดยใช้เครื่องนับก้าวเพื่อช่วยกระตุ้นการเดินให้ถึงเป้าหมาย โครงการจดข้อมูลลงในไดอารีสุขภาพ ช่วยเตือนความจำและเกิดชุมชนคนรักสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย รวมถึงการใช้ MOTTO: L-I-V-E ปฏิญาณตนเพื่อเป็นแรงจูงใจการเข้าร่วมกิจกรรม ส่งผลให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพในทุกแผนกพยาบาลในโรงพยาบาลศิริราช
สำหรับผลงานระดับดีมากคือ โครงการ สร้าง เสริม สุข กลุ่มวัยทำงาน โดยศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองบ้านบึง จับมือร่วมกับบริษัท เลซี่บอย (ประเทศไทย) จำกัด สถานประกอบการทำงานสร้างเสริมสุขภาพเชิงรุกให้กับพนักงาน มีตลาดนัดสุขภาพ เวลาพักมีการยืดเหยียดกายและขยายผลไปยังสถานประกอบการหลายแห่ง และ โครงการเตรียมความพร้อมในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน ของโรงพยาบาลขอนแก่น เป็นการทำงานที่รุกที่ออกจากห้อง ICU ไปประสานกับโรงพยาบาลชุมชนและครอบครัวผู้ป่วย เนื่องจากมีคนไข้ที่ไม่สามารถจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลได้ เพราะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ การอยู่ในห้อง ICU เป็นเวลานานย่อมมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งการรักษาและค่าเดินทางของญาติผู้ป่วย จึงหาวิธีช่วยเหลือถึง 2 ปี และทำได้สำเร็จ โดยให้โรงพยาบาลชุมชนที่ใกล้บ้านผู้ป่วยมากที่สุดรับผู้ป่วยไปดูแล และทำให้มั่นใจว่าโรงพยาบาลชุมชนสามารถดูแลเขาได้ โดยมีการพัฒนาทักษะของโรงพยาบาลชุมชน รวมถึงทักษะการดูแลของครอบครัว
กลุ่มที่สอง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ โดย ผลงานดีเด่นคือ โครงการพัฒนากลุ่มอาหารสุขภาพรักษ์ไต พัฒนาโดยคลินิกหมอครอบครัว รพ.สต.เชียงแหว จ.อุดรธานี ทำงานร่วมกับเครือข่ายชาวบ้านเพื่อให้ความรู้ถึงอาหารสุขภาพที่ลดเบาหวานและความดัน มีการคิดสูตรเมนูอีสานลดไต ลดเค็ม ส่วนระดับดีมาก คือ "การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลคนพิการมนุษย์ล้อ" ของโรงพยาบาลวังน้ำเย็น จ.สระแก้วที่สามารถสร้างเครือข่ายการดูแลคนพิการทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือมนุษย์ล้อทั้งอาชีพ ระบบสวัสดิการ และการดูแลสุขภาพ
และ กลุ่มที่สาม นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ โดย ผลงานดีเด่นคือ แผ่นป้องกันแผลกดทับจากยางธรรมชาติ หออภิบาลผู้ป่วยศัลยกรรม ฝ่ายบริการพยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากการใส่สายออกซิเจนเป็นเวลานานทำให้เกิดแผลกดทับ จึงหาวิธีป้องกันด้วยวัสดุหลายชนิด จนออกแบบจากแผ่นยางพาราในชุมชน ซึ่งมีการทดลองใช้พบว่า ไม่เกิดอาการแพ้ และมีราคาที่ถูกเพียง 6 บาท ส่วนผลงานดีมากคือ กล่องเก็บถุงนมแช่แข็ง ของพยาบาลจากหอผู้ป่วยเด็กแรกเกิด (NMCU) โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จากการพบปัญหาเวลาแม่ปั๊มนมที่อาจใช้ปะปนกัน เพื่อป้องกันการหยิบผิด และสามารถเลือกใช้ก่อนหลังได้ง่าย รวมถึงป้องกันอุณหภูมิจากการเปิดตู้เย็นแล้วความเย็นไม่หาย โดยออกแบบกล่องเก็บน้ำนมที่ใช้กับตู้เย็นที่สามารถปรับระดับได้และใช้งานได้สะดวก
รศ.ดร.วรรณภาทให้ข้อคิดว่า ในการทำงานของพยาบาลจะมีปัญหาความไม่สะดวก หรือปัญหาของผู้รับบริการ พยาบาลต้องมีแนวคิดและวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสะดวกมากขึ้น ทำอย่างไรให้เข้าถึงง่าย หรือป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ปลอดภัยกับผู้ป่วย ทั้งหมดต้องอาศัยสมรรถนะในการพัฒนาเพื่อหาช่องทางในการแก้ไขปัญหา หรือเป็นการป้องกันตั้งแต่แรก