ธันวาคม เดือนแห่งการเดินทาง
เดือนแห่งอุบัติเหตุ
เผลอแผล็บเดียวเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี พ.ศ. 2552 ธันวาคมถือว่าเป็นเดือนแห่งการเดินทาง เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ วันรัฐธรรมนูญและเทศกาลปีใหม่ วันหยุดติดต่อกันหลายวันแบบนี้เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย ในแง่ดีก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทยให้คึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสท่องเที่ยวในวันหยุดพิเศษเช่นนี้ เพราะกลายเป็นคนพิการในอุบัติเหตุจากการเมาสุราแล้วขับรถ ยิ่งไปกว่านั้นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากมายตามท้องถนนยังมีผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตกเป็นเหยื่อพฤติกรรมเมาแล้วขับเป็นจำนวนมาก
และเป็นที่รู้กันว่า สถิติอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นสูงในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ในปีใหม่นี้แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เตรียมกำลังพร้อมในการสกัดกั้นพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ด้วยการตั้งด่านตรวจจับอย่างเข้มข้น โดยตามกระบวนการในการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ หากเจอผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยการสั่งฟ้องศาลทุกราย และรอพิจารณาโทษภายใน 48 ชั่วโมง หากศาลได้มีการพิจารณาถึงความผิดแล้วและพิพากษากักขัง โดยจุดเริ่มต้นในการกักขังก็คือจุดตรวจของตำรวจนั่นเอง
คดีเมาแล้วขับโดยปกติแล้ว หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะส่งฟ้องศาลภายใน 48 ชั่วโมง และต่อมาศาลอาจตัดสินให้รับโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล เช่น รับโทษปรับ 5,000-20,000 บาท ส่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพิกถอนใบอนุญาต หรือให้ทำงานบริการสังคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
มาตรการขั้นเด็ดขาดที่กำลังดำเนินการในตอนนี้ เรียกว่านักดื่มต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น เพราะมีสิทธิ์ติดคุกได้ง่ายหากเมาแล้วขับ ฉะนั้น ถ้าจะให้ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ หากดื่มไม่ควรขับรถ แต่จะดีกว่านี้หากสามารถลด ละ เลิก พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกาย มีแต่นำไปสู่ปัญหาในครอบครัว ปัญหาสังคมนานัปการ
โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตัวผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งทางร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สิน นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งที่ป้องกันได้เพียงแค่ลดพฤติกรรมเสี่ยงจากการดื่มแล้วขับเท่านั้น แม้หลายฝ่ายจะมีการรณรงค์เมาไม่ขับอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่ายังมีนักดื่มจำนวนหนึ่งที่ขาดสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เห็นแก่ตัว จนเกิดอุบัติเหตุอันน่าเศร้าสลดไม่เว้นแต่ละวัน
ผลสำรวจจากมูลนิธิเมาไม่ขับที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ยิ่งตอกย้ำความรุนแรงของปัญหาอุบัติเหตุจากน้ำเมา โดยพบว่า ทุกๆ ปีมีคนตายบนถนน 12,000 คนต่อปี พิการสะสม 100,000 คน ความสูญเสีย 2 แสนล้านต่อปี ช่วงเทศกาลปีใหม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติ 2 เท่า ระหว่างปี 2550-2552 พบว่า ในช่วงปกติจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเฉลี่ยวันละ 280 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 35 คน ในขณะที่ช่วงเทศกาลปีใหม่มีอุบัติเหตุเฉลี่ยวันละ 607 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 58 คน สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดกับรถจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 84 และมีสาเหตุจากเมาสุราขณะขับรถเป็นอันดับหนึ่งถึงร้อยละ 41
ช่วงวันหยุดยาวนี้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องปฏิบัติงานอย่างแข็งขันในการป้องกันอุบัติเหตุ ต้องทำงานอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นพฤติกรรมเสี่ยงเมาแล้วขับ งานนี้ประชาชนก็สามารถให้ความร่วมมือในการป้องกันอุบัติเหตุด้วยได้ ทั้งการลดพฤติกรรมเสี่ยง หากดื่มแล้วไม่ควรขับรถตลอดจนสามารถเรียกร้องสิทธิด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เช่น หากพบพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนน ก็สามารถโทร.แจ้งได้ที่ จส.100 หรือร่วมด้วยช่วยกัน อย่าลืมช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา พบเห็นเมาแล้วขับโทร.มาแจ้งกันได้
นอกจากนี้ ศาลในบางภาคตระหนักถึงความรุนแรงของอุบัติเหตุทางจราจรจากการดื่มแล้วขับ ว่าเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสังคม จึงเริ่มพิพากษาให้ผู้ดื่มแล้วขับรับโทษกักขังโดยไม่รอลงอาญา โดยศาลภาค 2 คือ ชลบุรีและภาคตะวันออก 8 จังหวัด นำร่องพิพากษาสั่งกักขัง เช่น ศาลจังหวัดตราดสั่งกักขังผู้ดื่มแล้วขับภายใน 15 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 ถึงกันยายน 2552 รวมทั้งสิ้น 155 ราย ทั้งนี้ศาลจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ ศาลภาค 6 จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด และศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา อยุธยา สุพรรณบุรี อุบลราชธานี กำแพงเพชร เชียงใหม่ นนทบุรี พิษณุโลกและจันทบุรี ได้เริ่มพิพากษาสั่งกักขังคดีดื่มแล้วขับเช่นกัน
ด้านเสียงจากเหยื่อเมาแล้วขับ เจษฏา แย้มสบาย กล่าวว่า ผู้พิการจากการเมาแล้วขับ เห็นด้วยกับศาลยุติธรรมในการที่พิจารณาเห็นโทษเมาแล้วขับ และใช้มาตรการเด็ดขาดในการพิพากษากักขังคดีเมาแล้วขับเพื่อให้เกิดเป็นตัวอย่าง ทำให้สังคมตื่นตัวและลดพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนน คาดว่าหากศาลพิจารณาคดีและพิพากษาให้กักขังอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผู้ดื่มเกิดความยำเกรงและไม่กล้าดื่มแล้วขับ เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุอย่างได้ผล และทำให้สังคมเกิดจิตสำนึกในการรักษาความปลอดภัยในระยะยาว
เชื่อว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขเตรียมส่งท้ายปีฉลูต้อนรับปีขาลแบบนี้ ทุกภาคส่วนต่างช่วยกันระดมกำลังในการป้องกันการสูญเสียจากอุบัติเหตุให้มากที่สุด อย่างไรก็ดี ถ้าพบเห็นเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสมควร ประชาชนสามารถแจ้งร้องเรียนได้ และหากพบอุบัติเหตุจราจรสามารถ โทร.แจ้งศูนย์กู้ชีพนเรนทร 1669
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update 15-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์