ธนาคารเลือดฝรั่ง รพ.หนองวัวซอ
ต่อยอดงานวิจัยสร้างเครือข่ายสมัชชาสุขภาพ
สำหรับวันนี้การมีคู่ชีวิตเป็นชาวต่างชาติแทบจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะหญิงไทยในภาคอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มที่ต้องการหาที่พักพิงอันสงบสุขพร้อมคนดูแลในช่วงบั้นปลายของชีวิต และการเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยด้วยการแต่งงานดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
หนึ่งในพื้นที่ที่มีหญิงไทยแต่งงานหรืออยู่กินกับชาวต่างชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี จากข้อมูลของสำนักทะเบียนอำเภอหนองวัวซอระบุว่าในปี 2549 มีการจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติถึง 280 คู่ และในปี 2550 มีจำนวน 239 คู่ ซึ่งยังไม่รวมกับอีกหลายคู่ที่เพียงแค่อยู่กินกันเฉย ๆ
และนี่เป็นปัจจัยที่ทำให้โรงพยาบาลหนองวัวซอจัดทำ “การวิจัยเชิงคุณภาพเรื่องผลกระทบของหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ” เพื่อค้นหาปัจจัยและสาเหตุ ข้อดีและข้อเสีย รวมไปถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
จนเกิดเป็นเครือข่ายสมัชชาสุขภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคราชการและการเมือง ร่วมกันดำเนินการเฉพาะประเด็นสิทธิสตรีอีสานในสังคมไทยกรณีเมียฝรั่ง เพื่อแสวงหาแนวทางในการแก้ปัญหา การให้บริการด้านสุขภาพที่เหมาะสมแก่หญิงไทยและสามีชาวต่างชาติ
ผลจากการดำเนินงานพบว่า ปัญหาเรื่องสุขภาพของสามีชาวต่างชาติโดยเฉพาะเรื่องกรุ๊ปเลือด เป็นสิ่งที่ภรรยาชาวไทยวิตกกังวลมากที่สุด เพราะไม่เพียงสามีชาวต่างชาติเท่านั้นที่ต้องห่วง หากลูกที่เกิดมามีกรุ๊ปเลือดแบบ เดียวกับพ่อด้วย จะยิ่งน่าห่วงเพิ่มขึ้นเพราะกรุ๊ปเลือดของฝรั่งที่แตกต่างจาก คนไทย
นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองวัวซอ กล่าวว่า โดยปกติแล้วระบบเลือดจะแบ่งออกเป็นกลุ่มหลักคือเลือดกรุ๊ป a, b และ o ส่วนกลุ่มรองคือ rh- และ rh+ ซึ่งชาวต่างชาติจะพบว่ามีกรุ๊ปเลือดกลุ่ม rh- มากถึงร้อยละ 20-30 ของประชากร ส่วนชาวไทยพบเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น ทางแก้ปัญหาคือ
โครงการธนาคารเลือดในตัวคน ซึ่งแต่เดิมโรงพยาบาลหนองวัวซอมีแนวคิดจัดทำคลังเลือดในชุมชนอยู่แล้ว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจึงนำเรื่องของเลือดกรุ๊ปพิเศษเหล่านี้ รวมเข้าไปด้วยโดยจะพัฒนาให้เป็นเครือข่ายระดับประเทศ
“ปัญหาระยะสั้นก็คือการหาเลือดกรุ๊ป rh- ให้กับผู้ที่เสียเลือด ส่วนในระยะยาวก็คือหญิงไทยที่แต่งงานแล้วมีกรุ๊ปเลือดเป็น rh+ ส่วนสามีเป็น rh- เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมา ถ้าลูกมีเลือดเป็น rh- เหมือนพ่อก็จะทำให้เลือดของลูกในท้องไม่เข้ากับแม่ จะทำให้เด็กมีปัญหาจนถึงขั้นเสียชีวิตได้”
ขณะที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยอาจจะมีปัญหาที่คุกคามต่อสุขภาพของคนในชุมชนไม่ว่าจะเป็นโรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อเช่นโรคเรื้อนและวัณโรค โรคที่เกิดจากการใช้วิถีชีวิตที่ต่างกัน รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพจิต นอกจากนี้ยังมองไปถึงในอนาคตกรณีที่มีเด็กลูกครึ่งที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษจำนวนมากขึ้น ซึ่งทางทีมงานของโรงพยาบาลมีแนวคิดที่จะศึกษาถึงปัญหาต่าง ๆ เพื่อเตรียมรับมือ
“ปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดการระดมความคิด จนเกิดโครงการธนาคาร เลือดขึ้นมา โดยธนาคารเลือดจะอยู่ที่ตัวบุคคล โดยทำฐานข้อมูลว่าชาวต่างชาติแต่ละคนมีกรุ๊ปเลือดอะไร อยู่ที่ไหน ติดต่ออย่างไร เก็บไว้ที่โรงพยาบาล ซึ่งกำลังจะพัฒนาจัดทำเป็นเว็บไซต์ขึ้นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อต้องการกรุ๊ปเลือดต่าง ๆ เหล่านี้ ก็สามารถค้นหาข้อมูลจากธนาคารเลือดได้ ซึ่งก็จะช่วยแก้ปัญหาให้กับฝรั่งที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย ไม่เพียงแต่ อ.หนองวัวซอ ยังรวมไปถึงพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศไทยด้วย” น.ส.มัลลิกา ลุนจักร์ หัวหน้ากลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลหนองวัวซอ ระบุ
อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับ นายเดวิด เคนเนดี้ หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษวัย 50 ปี สามี น.ส.ประภัสสร ดวงลาพิมพ์ สาวไทยวัย 32 ปี ที่แต่งงานและกลับมาอยู่บ้านที่อุดรธานี โดยไม่คิดว่าสามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติจะต้องประสบกับปัญหาเรื่องกรุ๊ปเลือดกับการรักษาพยาบาล จนกระทั่งเดวิดประสบอุบัติเหตุจนข้อมือหักต้องทำการผ่าตัด แต่กว่าที่จะได้รับการรักษาก็กินเวลาไปค่อนเดือน และต้องย้ายโรงพยาบาลถึง 3 ครั้ง
แม้จะต้องประสบปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาล แต่เดวิดและเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติต่างให้ความสนใจในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ผ่านเว็บไซต์ www.udonmap.com นอกจากช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้กับทางโรงพยาบาลโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย กลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลหนองวัวซอ จึงเห็นว่า น่าจะได้รับการให้บริการที่เท่าเทียมกัน
ในอนาคตไทยอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางบ้านพักคนชราสำหรับชาวต่างชาติ หญิงไทยอายุน้อย ๆ ที่แต่งงานกับฝรั่งอายุมาก จะมีความรู้สึกอย่างไรถ้าสามีเสียชีวิตไป การใช้ชีวิตที่มีความแตกต่างกันทั้งอายุและลักษณะการใช้ชีวิตจะเป็นอย่างไร รวมถึงการดูแลฝรั่งที่เจ็บป่วย เพราะบางคนรู้ว่าป่วยหลังจากแต่งงานกันไปแล้ว นี่เป็นอีกประเด็นที่ทำให้หญิงไทยต้องแบกรับภาระต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำการศึกษาวิจัยต่อไป.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update : 15-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อัญณิกา กฤษสมัย