ทำไม ‘ครูและเด็ก’ ยุคใหม่ต้องร่วมกันเรียนรู้

เล่าสู่กันฟัง : ทำไม‘ครูและเด็ก’ยุคใหม่ต้องร่วมกันเรียนรู้ โดย…บัญญัติ คำนูณวัฒน์


อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเด็ก ถัดมาไม่กี่วันก็จะเป็นวันครู ทั้งสองวันล้วนมีความสำคัญในระดับชาติด้วยกันทั้งคู่ เห็นได้จากการให้คำจำกัดความว่า “เด็กคืออนาคตของชาติ” และ “ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ” ผมจึงขอหยิบยกเรื่องราวของทั้งสองวันนี้มาเป็นประเด็นในการ “เล่าสู่กันฟัง” กันครับ


 ทำไม'ครูและเด็ก'ยุคใหม่ต้องร่วมกันเรียนรู้


“เด็กคืออนาคตของชาติ” หรือ “เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า” บ่งบอกถึงการที่เด็กเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่ง เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญและมั่นคง ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมให้ตนเป็นกำลังของชาติ เด็กควรจะมีความขยันหมั่นศึกษาหาความรู้ รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ มีระเบียบวินัย เสียสละ รู้จักสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงจัดให้มีวันเด็กแห่งชาติขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2498 เป็นต้นมา และได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเมื่อปี 2508 จนถึงปัจจุบัน


ในขณะที่ครูก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หลายคนคงเคยได้ยินคำเปรียบเทียบว่า ครู คือแม่พิมพ์ของชาติ, ครู คือนักปฏิวัติในสนามรบทางการศึกษา, ครู คือกระจกเงาของเด็ก และต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้น ครูจึงเป็นผู้ที่มีหน้าที่อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาเด็ก เพื่อนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของสังคมและประเทศชาติ รวมถึงการดูแลอบรมสั่งสอนทั้งด้านความประพฤติ และอบรมด้านศีลธรรมจรรยาแก่เด็กด้วย


นอกเหนือจากการเป็นผู้ให้การศึกษาแก่เด็กแล้ว ครูยังต้องเป็นผู้มีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่สั่งสอนอบรมให้เด็กพบกับแสงสว่างทางปัญญา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง ด้วยเหตุที่ “ครู” มีทั้งบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญยิ่งดังที่กล่าวมาแล้ว จึงได้มีการกำหนด “วันครู” ขึ้นมาเพื่อให้ผู้เป็นศิษย์ได้ระลึกและตระหนักถึงบุญคุณของครู อีกทั้งเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติคุณของครูให้ปรากฏแก่สาธารณชน โดยได้ให้วันที่ 16 มกราคม เป็นวันครูมาตั้งแต่ปี 2488


แต่เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไปเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า “ยุคไอที” เกิดสื่อใหม่มากมาย เข้ามามีบทบาทและส่งอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น ทำให้การพัฒนาผู้ใช้เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องที่จำเป็น ดังนั้น ครูผู้สอนจึงต้องพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้สามารถคิดค้นกระบวนการพัฒนาทักษะของเด็กนักเรียนในการใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงเทคโนโลยี และรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสารที่นำไปปรับใช้ได้จริงและสามารถสร้างสื่อรูปแบบต่างๆ ได้


อันจะนำไปสู่การลดผลกระทบปัญหาที่เกิดกับเด็กและเยาวชนในระยะยาว ด้วยวิธีการสื่อสารที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสื่อใหม่ที่เกิดขึ้น ด้วยการบูรณาการทางด้านการสื่อสาร คือการนำเอาศาสตร์สาขาวิชาต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกันให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนมีความสมบูรณ์ครบถ้วนในตัวเอง และนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดหลักสูตรและจัดการเรียนการสอน จนผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง ส่งเสริมให้เกิดทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทั้งผู้เรียนและผู้สอนผ่านสื่อใหม่ เช่น อีเลิร์นนิ่ง เฟซสบุ๊ก อีเมล ยูทูบ ฯลฯ


ถึงเวลาแล้วที่คุณครูยุคใหม่ นอกจากจะมีความเข้าใจในเรื่องของแนวคิดหลักแห่งวิชาชีพครู มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของเครื่องมือที่จะใช้สำหรับการแสวงหาความรู้ การสอบถาม โครงสร้างของสาขาวิชาที่ตนเป็นผู้สอน และสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่จะช่วยส่งเสริมให้เนื้อหาวิชาเหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กแล้ว จำเป็นที่คุณครูยุคใหม่ต้องรู้จักใช้ยุทธวิธีที่หลากหลายในการสอน โดยเฉพาะสื่อใหม่ๆ ทั้งหลายเพื่อกระตุ้นให้เด็กได้ศึกษาหาความรู้อย่างกว้างขวางและทันสมัยขึ้น ได้รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล สามารถแก้ไขปัญหาและมีทักษะในเชิงปฏิบัติ สร้างแรงจูงใจและพฤติกรรมของกลุ่มมาสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในเชิงสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในการเรียนรู้


 


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดยบัญญัติ คำนูณวัฒน์

Shares:
QR Code :
QR Code