ทส.ระดมพลังสกัดPM 2.5
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) จัดเวทีเสวนา แนวทางและมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศไทย นำไปประมวลเป็นมาตรการในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะคลี่คลายลงแล้ว แต่คาดการณ์ว่าในอนาคตสถานการณ์เหล่านี้ยังมีโอกาสกลับมาได้อีก ดังนั้น ทส. จึงได้เตรียมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจกลับมา โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) จัดเวทีเสวนา แนวทางและมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศไทย เพื่อนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงจัดเวทีกลุ่มย่อยระดมสมองหาแนวทางเพิ่มเติมจากภาคีความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม โดยทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการเสวนา ทส.จะนำไปประมวลเป็นมาตรการในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนต่อไป
นายวิจารย์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการที่วางไว้ในเบื้องต้นมุ่งไปที่การจัดการแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมี 3 สาเหตุหลัก คือ การจราจร การเผาในที่โล่ง และภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการจราจรที่เป็นปัญหาอันดับหนึ่ง มาตรการเร่งด่วน อาทิ เร่งนำน้ำมันดีเซลเทียบเท่า EURO 5 มาจำหน่าย เพิ่มจุดตรวจควันดำ ชะลอกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นจากการสร้างรถไฟฟ้า การห้ามเผาในที่โล่ง ขอความร่วมมือโรงงานหยุดหรือลดกำลังผลิต และปฏิบัติการฝนเทียม เป็นต้น ส่วนในระยะกลางและระยะยาว เช่น ประกาศใช้มาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน EURO 5 ในปี 64 เร่งรัดการบังคับใช้มาตรฐาน EURO 6 ในปี 66 พัฒนาโครงข่ายบริการขนส่งสาธารณะ เพิ่มภาษีรถยนต์เก่า ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า เร่งรัดแผนเปลี่ยนรถ ขสมก.เป็นรถมลพิษต่ำ กำหนดให้ติดตั้ง Diesel
Particulate Filter (DPF) ให้เจ้าของ/ผู้ประกอบการที่มีการเผาในที่โล่งในพื้นที่ครอบครองเป็นความผิดอาญา ควบคุมฝุ่นจากการก่อสร้าง การปรับค่ามาตรฐาน PM 2.5 เฉลี่ยรายปีตามข้อเสนอ WHO และพัฒนาศักยภาพท้องถิ่นในการติดตามการตรวจสอบคุณภาพอากาศและการควบคุมเป็นระบบ Single Command เป็นต้น รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ซึ่งเรามีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ไม่ได้อยู่กับที่ มันสามารถข้ามแดนได้ และเกิดจากแหล่งกำเนิดหลายประเภท มาตรการที่ใช้แก้ไขและบรรเทาสถานการณ์จึงต่างกันไป
ด้านนพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มีการเฝ้าระวัง 22 โรงพยาบาลในกรุงเทพฯและปริมณฑล ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. พบตัวเลขผู้ป่วยกว่า 1,000 ราย สิ่งที่เราเห็นคือเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. คนเข้าสู่ระบบคัดกรองมากขึ้น กลุ่มเสี่ยงคือ เด็ก และผู้สูงอายุที่มีโรคหอบหืด ถุงลมอุดกลั้น โรคหัวใจสูง ที่ จ.สมุทร ปราการ พบสูงสุด และจากนี้ PM 2.5 จะเป็นสิ่งที่ถูกนำมาวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ของแพทย์อีกอย่างหนึ่งเพื่อติดตามการเกิดโรคระยะยาว เช่น มะเร็ง เป็นต้น
ขณะที่นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากตัวเลขการวิเคราะห์ความเสียหายทางเศรษฐกิจของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ในช่วงที่เกิดฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ระยะเวลา 65 วัน สร้างความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมความเสียหายด้านสุขภาพ ถ้าสะสมทุกปีความเสียหายจะมากขนาดไหน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันที่ต้องลงทุนหลักหมื่นล้านนั้น ถ้าลงทุนแล้วใช้ได้นานก็คุ้ม