ต.ขุนทะเล…ต้นแบบชุมชนปลอดขยะ
ขยะล้นเมืองเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกในหลายพื้นที่ ต.ขุนทะเล จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการเป็นต้นแบบชุมชนปลอดขยะ
การจัดการขยะและมลพิษ เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีประเด็นขับเคลื่อนอีก 6 ประเด็นสุขภาวะ ได้แก่ ชุมชนปลอดเหล้าและลดอุบัติเหตุจราจร การพัฒนาสุขภาวะเด็กและเยาวชน การจัดการขยะและมลพิษ การขับเคลื่อนเกษตรกรรมเพื่ออาหารชุมชน การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ และชุมชนปลอดบุหรี่
สำหรับการจัดการขยะและมลพิษถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่มิได้เกิดในชุมชนเมืองเท่านั้น ทุกชุมชนล้วนได้รับผลกระทบ หากไม่มีการกำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้องและเหมาะสม อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่อสภาพแวดล้อม และมีผลกระทบต่อสุขอนามัยของคนในพื้นที่ โดย นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 สสส. กล่าวถึงการจัดการขยะและมลพิษว่า การสร้างเสริมสุขภาวะเป็นสิ่งจำเป็นที่ชุมชนท้องถิ่น ต้องร่วมคิดร่วมทำว่าจะจัดการและแก้ปัญหาอย่างไรมีคำถามว่า ทำไมวันนี้ การจัดการขยะถึงไม่สำเร็จเท่าที่ควร นั่นเพราะคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นภาระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่เราควรปลูกจิตสำนึกคนในชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายและปัญหาขยะเพิ่มสูงขึ้นภายในชุมชนได้ ซึ่งชุมชนเทศบาลตำบลขุนทะเลอ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการดำเนินงานจัดการขยะและมลพิษที่เห็นได้ชัดพื้นที่หนึ่ง
นายโสภณ พรหมแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล เล่าว่า เทศบาลขุนทะเลเป็นชุมชนการเกษตร มีทั้งหมด12 หมู่บ้าน 14 ชุมชน คนในชุมชนมีพฤติกรรมทิ้งขยะเกลื่อนหน้าบ้าน ซึ่งขยะส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติกขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขวดเครื่องดื่มชูกำลัง จากปัญหาดังกล่าวเทศบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงจัดรณรงค์การจัดการขยะขึ้นในชุมชนและทำต่อเนื่องมาแล้ว 6-7 ปี โดยมี สสส.เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการด้วย
นายโสภณ เล่าอีกว่า ตำบลขุนทะเล เป็นชุมชนที่ไม่แออัด สามารถที่จะจัดการขยะกันเองได้ จึงลดงบประมาณการจัดซื้อบริการขยะ โดยทำให้เป็นชุมชนที่ "ปลอดถังขยะ-ปลอดรถเก็บขยะ" และให้ความรู้กับคนในชุมชนด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายตลอดทั้งวันครอบคลุมทั่วพื้นที่ 14 ชุมชนทั้งยังเข้าถึงเชิงรุกโดยใช้มาตรการทาง สังคม ขับรถสำรวจ และกล่าวตักเตือนผ่านเสียงตามสายทันที เมื่อเห็นขยะในพื้นที่ รวมไปถึงการมีส่วนร่วมเยาวชนจิตอาสาจัดตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์การเก็บและคัดแยกขยะ นอกจากนี้ เทศบาลยังได้จัดตั้ง "ธนาคารรับซื้อขยะ" ตั้งบริเวณ 3 จุด คือ โรงเรียน หมู่บ้าน และเทศบาลโดยให้คนในชุมชนบริหารจัดการกันเอง
จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเรื่องราวที่ดีในชุมชนมากมายคนในชุมชนเกิดจิตสำนึกในการบริหารจัดการชุมชน และแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วม ซึ่งสังเกตได้จากความร่วมมือของชาวบ้านที่เป็นหูเป็นตา แจ้งข้อมูลเมื่อเห็นขยะสิ่งปฏิกูล มีการเรียกร้องให้ติดลำโพงขยายเสียงเพิ่มมากขึ้นชาวบ้านมีการคัดแยกขยะ นำไปขายที่ธนาคารรับซื้อขยะ เป็นการสร้างรายได้เสริมรวมถึงมีการแปรรูปขยะเป็นปุ๋ยหมัก น้ำหมัก เพื่อนำมาใช้ในการเกษตร เป็นการลดต้นทุนอีกช่องทางหนึ่ง
"เทศบาลขุนทะเลพร้อมเป็นต้นแบบ ที่จะขับเคลื่อนให้องค์ความรู้กับเครือข่าย เกี่ยวกับการบริหารจัดการอย่างไรโดยปราศจากถังขยะและรถเก็บขยะ ในมุมมองส่วนท้องถิ่นการจัดการจะสำเร็จได้ไม่ใช่แค่คนใดหนึ่งทำเท่านั้น แต่พี่น้องประชาชนในชุมชนต้องร่วมมือกันด้วย ซึ่งการสื่อสารเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะปลูกจิตสำนึกและสอนค่านิยมในใจของคนในชุมชนได้ จากนั้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนก็จะตามมาเอง" นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล กล่าว
นอกจากการมีส่วนร่วมขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชนที่ร่วมกันสร้างแล้ว การมี "จิตสาธารณะ" การตระหนักรู้ถึงการมีส่วนร่วมในชุมชน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนในชุมชนมีสุขภาวะที่ดีและเป็นสุขอย่างยั่งยืน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข