ต้นเหตุไม่ใช่แค่คน-รถ

ถนนอันตรายภัยที่ถูกมองข้าม?’

ต้นเหตุไม่ใช่แค่คน-รถ 

            นอกจากภัยน้ำท่วมใหญ่ และซ้ำซ้อนด้วยภัยอากาศหนาวแล้ว วันก่อน “ภัยอุบัติเหตุทางรถยนต์-ภัยบนถนน” ก็เป็นข่าวใหญ่ที่น่าสลดใจเช่นกัน โดยเป็นภัยที่เกิดขึ้นบนทางพิเศษ-ทางด่วน ทั้งกับรถเก๋ง-รถตู้โดยสาร ซึ่งเพียงแค่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ก็มีผู้เสียชีวิตไป 10 กว่าศพ และบาดเจ็บอีกส่วนหนึ่ง

             ทั้ง 2 เหตุการณ์..ถึงขั้น “รถตกจากทางด่วน” “1. ขับรถเร็วกว่าที่กำหนด 2. ไม่วางแผนการเดินทาง ไม่เคารพป้ายสัญญาณชี้เส้นจราจร เพราะช่องหัวเกาะหรือทางแยกจะมีลูกศรชี้ทางบอก หากขับรถไม่เร็วจะสามารถบังคับรถได้ อีกทั้งทราบว่าบรรทุกผู้โดยสารถึง 17 คน 3. ผู้ขับขี่ขาดสมาธิ 4. ขับรถโดยประมาท ไม่มองทาง ” …เป็นการระบุของหน่วยงานซึ่งดูแล 1 ใน 2 ของถนนที่เป็นทางด่วนที่เพิ่งเกิดอุบัติเหตุน่าสลดใจ ขณะเดียวกันก็มีการพูดถึงการป้องกันรถตกทางด่วนอีก…

             จากที่เคยพูด ๆ กันมาแล้ว เมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้พร้อมมีการระบุถึง “จุดอันตราย” จุดอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ นักวิจัยจากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย มีการระบุถึงรูปแบบการสร้างทาง การที่บางจุดเอื้อต่อการทำให้รถเหินตัวและตกลงด้านล่าง แทนที่จะลดแรงปะทะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งกรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์น่าสลดใจที่เพิ่งเกิดขึ้น 2 จุดนั้น จะเพราะคนขับรถ เพราะสภาพรถ หรือเพราะสภาพถนน นั่นก็ว่ากันไป อย่างไรก็ตาม มองในภาพรวมโดยทั่วไปกับการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น นอกจากจะเกิดขึ้นเพราะคนขับรถ เพราะสภาพรถ ก็เคยมีการวิพากษ์กันถึงประเด็น “เพราะสภาพถนน” เข้ามาเสริมด้วย!! เรื่อง “สภาพถนน”กับ “อุบัติเหตุทางรถยนต์” นี้ ว่าไปก็อาจจะคล้ายกับเรื่องการแก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมแบบบูรณาการ คือมีการพูดถึงมานานแล้ว แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นอย่างไรแล้ว??

             “ปัญหาอุบัติเหตุจราจรเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและบาดเจ็บของคนไทย โดยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรกว่า 12,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 33 คน คิดเป็นอัตราผู้เสียชีวิต 19 คนต่อแสนประชากร ซึ่งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละหลายแสนล้านบาท รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ”นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระบุไว้เมื่อปลายปี 2552 ขณะที่ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็เคยสะท้อนเรื่องสภาพถนนกับอุบัติเหตุทางรถยนต์เอาไว้ เช่น… ทางตำรวจทางหลวงระบุว่าจากการสำรวจจุดทางโค้ง และจุดเสี่ยงอันตราย พบว่า ทั่วประเทศมีทางโค้งที่อันตรายประมาณ 87 โค้ง ส่วนทางกรมทางหลวงระบุว่าจากการศึกษาจุดอันตรายจากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุจราจรปี 2549 พบว่า มีจุดอันตรายทั้งสิ้น 784 แห่ง โดยในต่างจังหวัดนั้นส่วนใหญ่คือบริเวณทางร่วมแยก ทางโค้ง

           นอกจากนี้ ยังมีการสะท้อนข้อมูล-เสียงบ่งชี้ ของ รศ.นพ.ไพบูลย์ สุริยวงศ์ไพศาล หน่วยจัดการความรู้เพื่อถนนปลอดภัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ว่า…ในเมืองไทยเวลาเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ การสอบสวนมักพุ่งไปที่ตัวคนขับเป็นหลัก แต่ในประเทศที่มีมาตรฐานจะพิจารณา “คน-รถ-ถนน” รวมกันซึ่งในเมืองไทย เรื่องถนนเป็นเรื่องที่คนทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจน้อยมาก การเผยแพร่อยู่ในวงแคบ ระบบฐานข้อมูลยังไม่ดีพอ

             นี่เป็นการระบุเมื่อกว่า 7 ปีก่อน ซึ่งถึงวันนี้เป็นอย่างไร? ก็น่าคิด? และน่าคิดยิ่งขึ้นเมื่อดูกันที่ประเด็นเกี่ยวเนื่องที่นักวิชาการหน่วยจัดการความรู้เพื่อถนนปลอดภัยเคยชี้เชิงตั้งคำถามไว้อีก กล่าวคือ…เราเชื่อมั่นกับมาตรฐานถนนมากน้อยแค่ไหน?, เขตปลอดภัยมีไหม?, คูคลองริมทางหรือต้นไม้ข้างทางที่ปลูกไว้ได้มาตรฐานตามหลักสากลเรื่องเขตปลอดภัยหรือไม่? ซึ่งหากไม่ได้มาตรฐาน แทนที่จะช่วยให้ปลอดภัยก็จะกลายเป็นตัวซ้ำเติมให้กับผู้ประสบเหตุอย่างชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง!!

            หลักกิโลเมตรที่เป็นแท่งซีเมนต์อยู่ข้างถนน รถที่เกิดอุบัติเหตุไปชนเข้าส่วนใหญ่จะหนักแทบทุกราย, รถเกิดอุบัติเหตุเพราะมีน้ำขังบนถนน บนทางด่วน นี่ก็ถือว่าเป็นอีก 2 กรณีตัวอย่างที่น่าคิด??

            น่าคิดเช่นเดียวกับกรณีที่นักวิจัยจากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุออกมาระบุ ซึ่งนอกจากกรณีรถเกิดอุบัติเหตุและตกจากถนนยกระดับ-ทางด่วนแล้ว ก็ยังระบุไว้อีกว่า… ภาครัฐก็มีหน้าที่ในการเพิ่ม หรือเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย เพื่อรักษาชีวิตประชาชนด้วย แม้ผู้ขับขี่จะผิดพลาด แต่ก็ไม่ควรรับโทษถึงขั้นเสียชีวิต

            ทั้งนี้ กับถนนทั่วไป ปี 2553 นี้แค่ช่วง 5 เดือนแรกก็มีคดีอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้น 29,034 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 4,135 คน บาดเจ็บ18,974 คน ส่วนกับถนนที่เป็นทางด่วน ช่วง 9 เดือนแรกของปีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกว่า 850 ครั้ง จำนวนรถกว่า 1,390 คัน เสียชีวิตเกือบ 30 คน บาดเจ็บกว่า 400 คน ซึ่งมองลึกๆ จากตัวเลขนี้ก็น่าคิด…

            “ถนน” ต่างๆ มีส่วนเป็นต้นเหตุ-เสริมเหตุ…หรือไม่? มาตรฐานถนน” ที่พูดกัน…มีจริงไหม-มีให้เกินได้ไหม? คนไทยจะตายเพราะถนน-ตกจากถนน…อีกเท่าไร??

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

 

 

update : 03-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย :  ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

Shares:
QR Code :
QR Code