ต้นทุนชีวิตเด็กไทยก้าวร้าว
ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาไม่เคารพกม. ขาดต้นแบบ
น.พ.สุริยเดว ทรีปาตรี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองต่อเด็กและเยาวชนว่า ที่ผ่านมามีการควบคุมสื่อที่มีความรุนแรงเพื่อไม่ให้เด็กได้รับผลกระทบ แต่ข่าวสารปัจจุบันรวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่เด็กและเยาวชนได้พบเห็น ถือเป็นความรุนแรงที่จะกระทบต่อจิตใจและพฤติกรรมของเด็กโดยตรง ยิ่งกว่าความรุนแรงที่ได้รับจากสื่อทั่วไปเพราะเป็นแค่เรื่องสมมติ
การใช้วาจาที่ก้าวร้าว เร้าอารมณ์ ท้าทาย แสดงท่าทางขาดสติ หรือการไม่เคารพกฎหมาย ใช้ความรุนแรงต่อกัน กระทบต่อต้นทุนชีวิตของเด็กหลายด้าน โดยเฉพาะเด็กที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในตนเองจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นได้ในเด็กทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กถึงเด็กโต ขึ้นอยู่กับเด็กได้รับรู้และซึมซับสิ่งที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด อาจจะใช้เวลาเพียง 3-6 เดือนเท่านั้นที่พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิตว่าเข้มแข็งเพียงใด
ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้เด็กและเยาวชน ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ไม่เคารพกฎกติกาของบ้านเมือง สังคม เกิดความหวาดผวาสังคม ไม่ไว้วางใจกัน มองโลกในแง่ร้าย คิดจับผิดเพียงอย่างเดียว ยอมรับความรุนแรงว่าเป็นเรื่องปกติ คิดว่ากฎหมู่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ หากมีพวกมากกว่าก็สามารถเอาชนะหรือทำสิ่งที่ต้องการได้
ขาดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ขาดความมีจิตอาสา ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถให้อภัยได้ ขณะนี้เด็กกำลังขาดแบบอย่างที่ดีของสังคม เพราะเห็นแต่ภาพความขัดแย้ง การใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา จะทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ การใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ซึ่งผู้ปกครองจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
update: 19-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร