ในเดือนพฤศจิกายน คณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี 2555 โดย นางรัชนี สุดจิตร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พร้อมเครือข่ายผู้แทนชุมชนงดดื่มเหล้าจาก 3 เขตในกรุงเทพฯ ได้แก่ คลองเตย ปทุมวัน และลาดพร้าว เยี่ยมเยียนสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อขอความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวทางการยุติความรุนแรงในสังคมไทย โดยมี สมบัติ เมทะนี พระเอกยอดนิยมตลอดกาล ควงคู่ภริยา กาญจนา เมทะนี ร่วมสื่อความรักความอบอุ่นในครอบครัว พร้อมมอบเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว สัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงด้วย
นางรัชนีกล่าวว่า ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเสริมความเข้มแข็ง ถ้าครอบครัวให้ความสำคัญ แม้จะเกิดปัญหาบ้างก็จะทำให้ปัญหานั้นเบาบางลงไป สื่อเป็นส่วนสำคัญ คนทั่วไปมองว่าสื่อทำได้จึงทำบ้าง มีข้อมูลพบว่าผู้ชายอยากจะเป็นพระเอกเพราะอยากข่มขืนนางเอก และสุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน แต่ในชีวิตจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น จึงอยากขอให้สื่อเป็นแนวร่วมเพื่อทำงานร่วมกัน
“อยากให้สื่อตระหนักถึงสิ่งที่สังคมต้องรับรู้ บางเรื่องที่สื่อนำเสนอทำให้สังคมแย่ลง เช่น กรณีที่เด็กติดเกมฆ่ามารดาของตนเอง อยากให้บอกด้วยว่าเกิดจากเด็กเป็นออทิสติกจึงมีภาวะดังกล่าว เมื่อผู้อ่านได้อ่านจะสามารถนำเรื่องราวตรงนี้ไปดูอาการของบุตรหลานตนเองได้ว่ามีอาการใกล้เคียงหรือไม่ เพื่อป้องกันและแก้ไขต่อไป” นางรัชนีกล่าว
ด้านน.ส.สุเพ็ญศรีกล่าวว่า ปัจจุบันทุกคนมองในเรื่องเศรษฐกิจ วัตถุนิยม มีลูกก็ให้คนอื่นเลี้ยง ตัวเองไปทำงานเพื่อหาเงินมาจ้างคนเลี้ยงเด็ก รวมถึงวิถีชีวิตของผู้หญิงและผู้ชายแตกต่างกัน ผู้หญิงจะทำงานที่ผลิตซ้ำ ที่คนไม่ให้คุณค่า เช่น การดูแลบ้าน ดูแลผู้สูงวัย จะมีผู้ชายสักกี่คนที่จะเข้ามามีส่วนร่วม จึงอยากให้ส่งเสริมให้ผู้ชายได้เข้ามามีส่วนร่วม เริ่มจากการแบ่งหน้าที่ฝึกให้ผู้ชายมีวินัยในครอบครัว
โอกาสนี้ สมบัติ เมทะนี ต้นแบบครอบครัวเข้มแข็งที่ครองรักกับภริยามายาวนานกว่า 53 ปี หนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ “สุภาพบุรุษยุติความรุนแรง” ประจำปี 2555 กล่าวว่า ในส่วนของละครที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมในเรื่องการเลียนแบบต้องมองไปที่ผู้กำกับฯ ถ้าผู้กำกับฯ ดีผลงานก็ออกมาดี แต่ละครตอนนี้แทบทุกเรื่องมีแต่เรื่องตบตีกัน พ่อแม่ควรให้เวลาแก่ลูกทั้งที่บ้านหรือแม้กระทั่งระหว่างเดินทางไปโรงเรียน สามารถพูดคุยอบรมสั่งสอนได้ เป็นการแสดงความใกล้ชิดของครอบครัว
ด้านกาญจนา ภริยากล่าวว่าตนเองจะพูดคุยกับลูกสม่ำเสมอ เพื่อให้เขาเห็นว่ายังมีเราอยู่ใกล้ๆ ส่วนสามีจะเป็นคนที่ทำตัวกลมกลืนกับลูกมาก เล่นกับลูกเสมอ ทำให้ลูกหัวเราะและเป็นพ่อที่น่ารักมาก
วันเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เปิดเผยว่า จากข้อมูลในเอกสารเรื่อง “2011 – 2012 progress of the world”s women : in pursuit of justice” ของ un women พบว่าประเด็นความรุนแรงทางร่างกายต่อคู่ของตนเอง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (2544-2553) มีข้อมูลอยู่ 75 ประเทศ
ประเทศไทยเป็นลำดับที่ 36 โดยร้อยละ 23 มีการกระทำความรุนแรงทางร่างกายมากที่สุด ประเด็นความรุนแรงทางเพศต่อคู่ของตน มีข้อมูลอยู่ 71 ประเทศ ประเทศไทยเป็นลำดับที่ 7 ร้อยละ 30 มีการกระทำความรุนแรงทางเพศมากที่สุด ที่น่าห่วงใยคือความเชื่อที่ว่าสามีตีภริยาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ พบว่ามีข้อมูลอยู่ 49 ประเทศ ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2
1. คู่หวานสมบัติ-กาญจนา
นายสมชายกล่าวต่อว่า ปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและบุคคลในครอบครัวมีรากเหง้าของปัญหาจากทัศนคติและความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า “ภรรยาเป็นสมบัติของสามี” หรือ “ลูกเป็นสมบัติของพ่อแม่” ทำให้เกิดการควบคุมและใช้อำนาจต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อีกประเด็นที่น่าห่วงใยคือการที่คนในสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนพบเห็นความรุนแรงจากสื่ออยู่ตลอดเวลา ทั้งจากละคร ภาพยนตร์ เกม ที่มีการกระทำความรุนแรงทั้งทางร่างกาย การใช้คำพูดด่าทอ จนทำให้คนในสังคมชินชาและคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำได้และยอมรับได้ หรือคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องของคนในครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งความจริงไทย มีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550
“เพื่อให้สังคมร่วมมือกันยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว สค.จัดกิจกรรมรณรงค์ โดยการเยี่ยมสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อขอความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวทางการยุติความรุนแรงในสังคมไทย โดยใช้ริบบิ้นสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์การยุติความรุนแรง หากประชาชนพบเห็นการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว แจ้งเหตุหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ประชาบดี โทร. 1300 ทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จัดงาน “รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี 2555” วันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย. นี้ ณ บริเวณสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ภายใต้แนวคิด “สุภาพบุรุษยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว”
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวง พม. กล่าวว่า สถิติข้อมูลของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2550 มีเด็กและสตรีที่ถูกทำร้ายและมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จำนวน 19,068 ราย หรือ 52 รายต่อวัน ในปี 2551 พบว่ามี 26,565 ราย หรือ 73 รายต่อวัน ซึ่งหมายความว่าในทุกๆ 20 นาที จะมีเด็กหรือสตรีถูกกระทำความรุนแรง 1 ราย ในปี 2552 พบว่ามีจำนวน 23,511 ราย หรือ 64 รายต่อวัน และในปี 2553 พบว่ามีจำนวน 25,744 ราย หรือ 71 รายต่อวัน ทั้งนี้ในวันที่ 20 พ.ย. พม.จัดกิจกรรมติดริบบิ้นสีขาวให้แก่คณะรัฐมนตรี เพื่อแสดงพลังรณรงค์ยุติความรุนแรง
สำหรับกิจกรรมการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีด้วยการติดริบบิ้นสีขาว เกิดขึ้นครั้งแรกที่แคนาดา ปี 2534 หลังเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษาหญิงของมหาวิทยาลัยมอนทรีออล 14 ราย ซึ่งมีพื้นฐานปัญหามาจากความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ ผู้ริเริ่มการรณรงค์เป็นกลุ่มอาสาสมัครชายราว 1 แสนคน ที่ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและต้องการยุติปัญหา
จึงเรียกร้องให้ผู้ชายทั่วโลกร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาและแสดงตนว่าจะไม่เป็นผู้กระทำรุนแรงต่อสตรี โดยติดริบบิ้นสีขาวที่ปกเสื้อ 1 สัปดาห์ เริ่มจากวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งถือเป็นวันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล
สัญลักษณ์ริบบิ้นสีขาวที่มีความหมายถึงการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรีในทุกรูปแบบมาเป็นสัญลักษณ์สากล
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด