ตั้งเป้าลดยอดเจ็บ-ตายบนท้องถนน
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เตรียมลดยอดบาดเจ็บ-ตายจากมอเตอร์ไซค์ พร้อมเข้าหาชุมชนมากขึ้น
ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา ได้มีการจัดงานสัมมนาระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : time for action” ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐ เอกชน อื่น ๆ เข้าร่วม โดยมีนายชนม์ชื่น บุญญานุศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานในพิธี และร่วมปล่อยขบวนรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 100% พร้อมมอบถ้วยรางวัลให้กับหน่วยงานรัฐและเอกชน ที่มีส่วนร่วมในการลดอุบัติเหตุประจำปี
นายชนม์ชื่น เปิดเผยว่า การรณรงค์ให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนน ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ อีกทั้งยังมีการลงนามในปฏิญญามอสโค ที่ต้องการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนลง จาก 16.8 คน ต่อ 1 แสนคนในปัจจุบัน ให้เหลือ 10 คน ต่อ 1 แสนคน ภายในปี 2563 ซึงทางศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จะทำงานร่วมกับ ตำรวจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการรณรงค์ด้านความปลอดภัย การสวมหมวกนิรภัย รวมถึงตรวจสอบมาตรฐานของรถโดยสารสาธารณะให้เข้มข้นมากขึ้น โดยดำเนินการภายใต้ 5 เสาหลักแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน ได้แก่ 1.การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน เสาหลักที่ 2.ถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย 3.ยานพาหนะปลอดภัย 4.ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ 5.การตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุ
ด้านนายสุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาล และหน่วยงานรัฐต้องเร่งมือช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัย ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมายจราจร ไปจนถึงการสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชนในการตระหนักเรื่องอุบัติเหตุให้มากขึ้น ส่วนเรื่องการสวมหมวกนิรภัยนั้น ขณะนี้การบังคับใช้ยังคงมีอีกหลายมาตรการที่ต้องช่วยกันหาข้อสรุป ทั้งเรื่องการหารูปแบบหมวกที่เป็นมาตรฐาน หรือการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปรณรงค์ในท้องถิ่นเอง เพราะสถิติการไม่สวมหมวกนิรภัยในท้องถิ่นยังคงสูงอยู่ และเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และพิการจากอุบัติเหตุในรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่องแทบทุกปี
ขณะที่ พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า โดยปกติงานวินัยจราจร เป็นงานที่ตำรวจมักไม่ค่อยอยากทำ เพราะการกวดขันวินัยจราจร หรือตั้งด่านจับในบางครั้ง อาจทำให้ประชาชนมองว่าเป็นการรีดไถ เพราะฉะนั้นตำรวจจึงอยากไปทำงานปราบปรามอาชญากรมากกว่า กลายเป็นว่าประชาชนกลัวตำรวจ แต่กลับไม่กลัวกฎหมาย เพราะฉะนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติให้แตกต่างไปจากเดิม เช่น ปกติมีการประเมินผลด้านการจราจรของสถานีตำรวจ โดยพิจารณาจากยอดการจับกุมผู้ที่ทำผิดวินัยการจราจร ก็ให้ปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องของการกวดขัน และรณรงค์การทำถูกกฎจราจรมากขึ้น รวมถึงตำรวจเองก็ต้องเข้าหาชุมชนในด้านบวก เช่นเข้าไปรณรงค์การขับขี่ให้ถูกกฎจราจร ตามชุมชน หรือโรงเรียน เพื่อให้ภาพของประชาชนที่มองต่อตำรวจเป็นมิตรมากขึ้น และถือเป็นการทำงานเชิงรุกอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการลดยอดการทำผิดกฎจราจรในที่สุด
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์