ตั้งเครือข่ายครอบครัวระดับชุมชน

แก้ปัญหาเด็กตีกัน

         

ตั้งเครือข่ายครอบครัวระดับชุมชน

 

          ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมและประสานงานสถาบันครอบครัวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว (กสค.) จัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับจังหวัดและระดับชาติอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยในปี 2553 แผนงานสุขภาวะครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เพื่อระดมความคิดเห็นนำไปสู่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์การส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็งสรุปเป็นมติสมัชชาฯ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี

 

          ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ พญ.ศิริกุล อิศรานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว (กสค.) กล่าวว่า จากการจัดสมัชชาครอบครัวระดับจังหวัดตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ใน 75 จังหวัด และกรุงเทพฯ ได้ประมวลข้อมูลกำหนดเป็นประเด็นสถานการณ์ครอบครัวไทยที่น่าเป็นห่วง 5 ประเด็น เพื่อพิจารณาในการประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติและเป็นข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา อาทิ การส่งเสริมและพัฒนาเด็กในครอบครัวหลังหย่าร้าง การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมรุนแรงของนักเรียนโดยครอบครัว สวัสดิการครอบครัวที่มีเด็กพิการ

 

          ปัญหาครอบครัวหย่าร้างเหมือนมะเร็งที่ลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ปัญหานักเรียนตีกันเหมือนแผลติดเชื้อหรือเหมือนหวัด 2009 การแก้ปัญหาทั้ง 5 ประเด็น ต้องทำให้พ่อแม่มีคุณภาพครอบครัวเข้มแข็ง พึ่งตัวเองได้ โดยขณะนี้มีครอบครัวยากลำบากที่พึ่งตัวเองไม่ได้ร้อยละ 20 ที่เราต้องเข้าไปช่วยเหลือ คนรุ่นนี้เป็นเจเนอเรชั่นแซด เป็นวัยรุ่นใจร้อน วู่วาม ไม่มีทักษะควบคุมอารมณ์ พ่อแม่ต้องใช้เวลาทุ่มเทกับลูกแต่ละคนอย่างน้อย 10 ปีจึงจะได้คนมีคุณภาพ” ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว กล่าว

 

          ด้าน ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการวิจัยเรื่อง “มาเฟียเด็ก” ในกรุงเทพฯ ของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่านักเรียนในกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 18 มีพฤติกรรมมาเฟีย โดยการทำร้ายร่างกาย รีดไถเงิน เสพและค้ายา รวมทั้งขายบริการทางเพศ โดยเด็กจะมีพฤติกรรมความรุนแรง 9 ชนิด พบในทุกระดับเฉลี่ยเป็นเด็ก ป.4-ม.ต้น หลายโรงเรียนมีเครือข่ายครอบครัวเข้มแข็ง พยายามแก้ปัญหา แต่บางครั้งผู้บริหารโรงเรียนไม่สนับสนุน

 

          ข้อเสนอในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ คือกระทรวงศึกษาธิการต้องสั่งผู้บริหารโรงเรียนประถม มัธยม อาชีวะ เพื่อเปิดให้ผู้ปกครองทำงานเต็มที่ มีเกณฑ์ประเมินผู้บริหาร หากแก้ปัญหาไม่ได้จะมีผลต่อการจัดสรรงบประจำปีของโรงเรียน รวมทั้งระบบกลไกในการดึงผู้ปกครองของเด็กกลุ่มเสี่ยงมาร่วมแก้ปัญหากึ่งบังคับให้มารับผิดชอบการกระทำของเด็ก” ดร.วิมลทิพย์ กล่าว

 

          ภายหลังการประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 นายอดิศักดิ์ รอดสุวรรณ ประธานชมรมผู้ปกครองเด็กพิการ ในฐานะตัวแทนสมัชชาครอบครัวฯ ได้ยื่นมติการประชุมที่สรุปเป็นข้อเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใน 5 ประเด็น ดังนี้ 1.สนับสนุนให้ภาคประชาชนและเอกชนจัดตั้งเครือข่ายครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในระดับชุมชน จัดสรรงบประมาณแก่ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน 2.ขอให้รัฐส่งเสริมความเข้มแข็งให้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน บูรณาการเครือข่ายผู้ปกครองให้ร่วมรับผิดชอบกับโรงเรียนแก้ปัญหาความรุนแรง 3.รัฐพึงสนับสนุนต่อยอดศูนย์เรียนรู้และพัฒนาเด็กพิการและให้มีศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกพื้นที่ 4.ขอให้รัฐกำหนดและประกาศใช้เกณฑ์สิทธิความปลอดภัยขั้นต่ำสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นเกณฑ์ความปลอดภัยขั้นต่ำสุด ที่รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องประกันการเข้าถึงเกณฑ์ดังกล่าวอย่างเสมอภาคของเด็กทุกคน และ 5.ขอให้รัฐพัฒนาสื่อเพื่อสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวให้มีมากขึ้น โดยระยะเร่งด่วนให้มีสัดส่วนรายการเพื่อสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของช่วงเวลาออกอากาศทั้งหมด โดยเริ่มในปีงบประมาณ 2554 และเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ว่าด้วยการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. … เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ระยะยาว พร้อมทั้งจัดตั้งคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าการทำงานในรูปคณะทำงาน เตรียมสมัชชาผู้บริโภคสื่อเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนแบบมีส่วนร่วม

 

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังได้รับข้อเสนอของสมัชชาครอบครัวฯ ว่า ข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนสู่นโยบายให้เป็นรูปธรรม พยายามส่งเสริมความเข้มแข็งครอบครัว เพราะเราเห็นว่าจะเป็นตัวนำไปสู่การแก้ปัญหาอื่น ๆ ส่วนปัญหาสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัย รัฐบาลจะนำไปประกอบในแผนปฏิรูปสื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนปรองดอง และเชื่อมั่นว่าแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์จะได้ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของครอบครัวเป็นพลังบรรลุสู่แผนปรองดองได้

 

          เป็นความหวังของสมัชชาครอบครัวฯ ว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งต่อสถาบันครอบครัว เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมาด้วย

 

 

 

 

 

 

ที่มา :  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

 

 

Update : 27-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

Shares:
QR Code :
QR Code