ตรวจเบาหวานแบบใหม่ไม่ต้องงดอาหาร
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
จริงหรือไม่ เบาหวาน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ คนอ้วนเท่านั้นที่เป็นโรคเบาหวานผู้หญิงเสี่ยงเป็นเบาหวานมากกว่าผู้ชาย ตรวจเบาหวานต้องงดน้ำงดอาหาร ต้องตรวจคัดกรองโรคเบาหวานทุกปี
เบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง รักษาให้หายขาดไม่ได้แต่สามารถควบคุมให้เหมือนหายแล้วได้ นายแพทย์เพชร รอดอารีย์เลขาธิการสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯอาจารย์หน่วยโรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอริสม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้ข้อมูลว่า “โรคเบาหวาน ถ้าผู้ป่วยมีวินัยในการรับประทานอาหาร ดูแลสุขภาพสม่ำเสมอก็จะสามารถควบคุมจนไม่มีอาการของโรคได้ เหมือนหายจากการเป็นเบาหวาน แต่ที่บอกว่า ไม่สามารถรักษาให้หายขาดก็คือ ถ้าผู้ป่วยรู้สึกว่าตัวเองหายแล้วเลิกดูแลควบคุมไลฟ์สไตล์และการรับประทานอาหาร แน่นอนว่า อาการของโรคเบาหวานจะกลับมา รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะขึ้น”
เบาหวาน เป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิต แต่คนกลับไม่ค่อยหวั่นกลัว เพราะมักไม่แสดงอาการของโรคหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยอย่างช้าๆ แต่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง สามารถส่งผลให้ไตเสื่อม ตาบอด เป็นโรคปลายประสาทเสื่อม เกิดแผลที่เท้าเปื่อยเรื้อรัง ต้องถูกตัดเท้า หรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ในประเทศไทย อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี ในแต่ละวันจะมีประชากรไทยจำนวน180ราย เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน หรือเกือบ8รายต่อชั่วโมง
การตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงวันเบาหวานโลกปีนี้ มารู้จักวิธีการตรวจเบาหวานแบบใหม่ แบบไม่ต้องงดอาหาร เรียกว่า การตรวจค่าน้ำตาลสะสมหรือการตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ซึ่งสมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐอเมริกา (AmericanDiabetes Association; ADA) 2และสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯได้กำหนดให้ใช้HbA1c ในการวินิจฉัยการเป็นโรคเบาหวานได้
“เม็ดเลือดแดงของเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ120วัน เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือกลูโคส ก็จะเข้าสู่กระแสเลือด และไปจับฮีโมโกลบินเอ(HbA) ในเม็ดเลือดแดง ซึ่งทางห้องปฏิบัติการสามารถตรวจวัดค่าฮีโมโกลบินที่มีน้ำตาลเกาะอยู่นี้ได้เรียกว่า ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) หรือ การตรวจเอวันซี ทั้งนี้ ด้วยอายุเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดง ทำให้การตรวจเอวันซี เป็นการแสดงค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสมในช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา4การงดหรือไม่งดอาหารก่อนตรวจ จึงไม่มีผลต่อการตรวจ และไม่มีผลกระทบจากความแปรปรวนของระดับน้ำตาลในเลือดอันเป็นผลจากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม การตรวจเบาหวานทุกรูปแบบ รวมถึงการตรวจสุขภาพ (Checkup) ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ
ผลการตรวจด้วยเอวันซี จึงมีความแม่นยำ และสะท้อนภาวะที่แท้จริงของผู้เข้ารับการตรวจ การเร่งฟิตร่างกายหรือควบคุมอาหารช่วงสั้นๆ ก่อนตรวจเบาหวานไม่ส่งผลต่อค่าเอวันซี ทำให้สามารถช่วยค้นหาผู้เสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต ผู้ที่เป็นเบาหวานแต่ยังไม่มีอาการของโรค รวมถึงเป็นเครื่องมือในการประเมินว่าผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมโรคได้ดีหรือไม่ ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม”
ทั้งนี้ ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน เช่น ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป, มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน, ไม่ออกกำลังกาย หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคเบาหวานหลังจากตรวจคัดกรองแล้ว ผลคัดกรองอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถเว้นการตรวจได้ 1-3 ปี ส่วนผู้ที่มีอาการเบาหวาน ควรตรวจเอวันซี อย่างน้อยปีละ2 ครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม การตรวจเอวันซีทำให้ผู้เข้ารับการตรวจได้รับความสะดวกมากขึ้นไม่หงุดหงิดหรือวิงเวียนจากการงดอาหาร 8-12 ชั่วโมงล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ลดการเตรียมตัว
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้เป็นเบาหวานเกือบ 5 ล้านคน โดยเบาหวานเป็นสาเหตุในการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของหญิงไทย พบว่าผู้หญิง1 ใน 8 รายเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน และจำนวนผู้ป่วยมีมากกว่าผู้ชาย โดยที่ผู้หญิงเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 9.8 ในขณะที่ผู้ชายเป็น
เบาหวานเพียงร้อยละ 7.86 ทั้งนี้ ผู้หญิงไทยมีบทบาทที่ต้องดูแลอาหารการกิน และความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้เวลาในการดูแลสุขภาพตนเองลดน้อยลงไป รวมถึงขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้หญิงในต่างจังหวัด วันเบาหวานโลกในปีนี้ สหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ ให้ความสำคัญเรื่อง “ผู้หญิงกับเบาหวาน” ต้องการส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้าถึงบริการสุขภาพ และหาเวลาดูแลสุขภาพ รวมถึงตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหยุดเบาหวาน และป้องกันหรือชะลอโรคแทรกซ้อนอันเป็นสาเหตุที่ทำให้พิการและเสียชีวิตได้