ชูเทศกาลอาหาร สกัดนักดื่มหน้าใหม่

          ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนที่เป็น 'นักดื่มหน้าใหม่' มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มจะเป็นนักดื่มประจำเพิ่มมากขึ้น


 ชูเทศกาลอาหาร สกัดนักดื่มหน้าใหม่ thaihealth


         เทศกาลอาหารปลอดภัยอร่อยได้…ไร้แอลกอฮอล์ จึงเกิดขึ้นโดยความคิดริเริ่มของ นางสาวณัจยา แก้วนุ้ย ผู้จัดการโครงการส่งเสริมอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพ อร่อยได้…ไร้แอลกอฮอล์ แผนงานพัฒนากระบวนการนโยบายสาธารณะและสนับสนุนทุนอุปถัมภ์เพื่อควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานประเพณีวัฒนธรรม ที่เล็งเห็นความสำคัญในการเปลี่ยนลานเบียร์ให้เป็นลานวัฒนธรรมอาหาร เพื่อส่งเสริมอาหารพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่น ภายใต้คำ ขวัญ "อร่อยได้…ไร้แอลกอฮอล์" ตลอดจนการสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้คำนึงถึงสุขภาพที่ดี


          "เราเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2552 โดยการจัดเทศกาลอาหารปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ขึ้นในแต่ละภูมิภาค นำร่องที่จังหวัดพัทลุงและขยายไปเรื่อยๆ ปัจจุบันมีเครือข่ายทั้งหมด 35 จังหวัดทั่วประเทศ และจะยกระดับเป็นประชาคมร้านอาหารเพื่อสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ และต่อยอดไปยังจังหวัดข้างเคียงทั่วประเทศในอนาคต"


 ชูเทศกาลอาหาร สกัดนักดื่มหน้าใหม่ thaihealth         นางสาวณัจยากล่าวว่า เทศกาลอาหารนี้นอกจากจะปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ยังมีการรณรงค์ปลอดกล่องโฟมในการใช้เป็นภาชนะใส่อาหารด้วย ที่สำคัญคือ ก่อนเข้างานต้องมีอ่างล้างมือให้กับผู้มารับประทานอาหารและนักท่องเที่ยว รวมถึงมีการรณรงค์การไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ และดูแลสุขาภิบาล โดยผู้ค้ามีผ้ากันเปื้อน สวมหมวกคลุมผมตลอดเวลา พยายามพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ


          ล่าสุดได้จับมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมตัวแทนผู้ประ กอบการร้านอาหาร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีหน่วยงานต่างๆ จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงไม่จำหน่ายเหล้า-เบียร์ให้แก่เด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เพื่อพัฒนาแนวคิด สร้างการรับรู้และความเข้าใจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มีการรณรงค์ลด ละ เลิกการดื่ม การจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน สวนสาธารณะต่างๆ


 ชูเทศกาลอาหาร สกัดนักดื่มหน้าใหม่ thaihealth


         "สำหรับประชาคมร้านอาหารไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารเท่านั้น แต่รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คนในชุมชน อสม. ที่จะมาร่วมกันผนึกกำลังในการส่งเสริมการสร้างความรู้ สร้างความตระหนักให้กับนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งวันนี้มี 15 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย พะเยา อุตรดิตถ์ อุทัยธานี สุโขทัย ปทุมธานี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี หนองคาย บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ มาลงนามความร่วมมือกันว่าจะไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี" ผู้จัดการโครงการฯ เล่า


ชูเทศกาลอาหาร สกัดนักดื่มหน้าใหม่ thaihealth          ทางด้าน ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. บอกว่า นับเป็นโอกาสดีที่ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายผู้ประกอบการร้านอาหารที่มาจากทั่วประเทศ เพราะปัจจุบันมีเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกเป็นเหยื่อของธุรกิจน้ำเมา ถ้าเราไม่พยายามช่วยกันคนละไม้คนละมือ เด็กๆ เหล่านี้เริ่มดื่มตั้งแต่อายุน้อยก็จะกลายเป็นนักดื่มประจำ นอกจากเสียอนาคตแล้ว ยังเป็นผลที่นำมาซึ่งความรุนแรงต่างๆ ในสังคม


          "ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นความตั้งใจของประชาคมผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วประเทศกับ สสส. ที่จะทำงานร่วมกัน ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี คาดหวังว่าจะขยายพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายร้านให้ความร่วมมือดี แต่บางร้านที่ยังเข้าใจว่าถ้าไม่ขายเหล้าจะขายอาหารได้ไม่ดี ซึ่งผลคือตรงกันข้าม เพราะยิ่งถ้าไม่ขายเหล้าเลยกลับพบว่าผลประกอบการไม่แย่ลง แต่กลับขายดีขึ้น เพราะลูกค้าที่มารับประทานอาหารชอบมากขึ้นเพราะไม่มีขี้เมามากวนใจ และรายได้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ศ.นพ.อุดมศิลป์เล่า


          นอกจากการลงนามบันทึกข้อตกลงไม่จำหน่ายเหล้า-เบียร์ให้แก่เด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีในครั้งนี้แล้ว ยังมีเวทีเสวนาร่วมสร้างแนวทางในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยนายมานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และผู้แทนผู้ประกอบการร้านอาหารอีกด้วย


          การเปลี่ยนทัศนคตินั้นเป็นเรื่องยาก แต่หากไม่ลดละความพยายามประชาชนจะค่อยๆ เห็นความ สำคัญ และขยายเรื่องนี้ออกไปอย่างกว้างขวาง และเห็นว่านี่คือความร่วมมือร่วมใจกันของประชาคมเพื่อสร้างสังคมที่เป็นสุข


 


 


          ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code