ฉีดสารเคมีต้องรู้เท่าทันเสี่ยงพิษสะสมถึงมะเร็ง

ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


ฉีดสารเคมีต้องรู้เท่าทันเสี่ยงพิษสะสมถึงมะเร็ง thaihealth


แฟ้มภาพ


          จังหวัดสมุทรปราการ เตือนเกษตรกรฉีดสารเคมีต้องรู้เท่าทันเสี่ยงพิษสะสมถึงมะเร็ง


          นางสาวกัญญรัตน์ เกียรติสุภา ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก กรมอนามัย ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีการเพาะปลูกพืชเป็นอาชีพ เมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูกก็มักจะนำสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมาใช้จำนวนมาก เพื่อป้องกันแมลงต่างๆ มาทำลายพืชผล จึงเตือนเกษตรกรก่อนใช้สารเคมีต้องอ่านฉลากให้เข้าใจวิธีการใช้ และปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด สวมเสื้อผ้า ถุงมือ หน้ากากให้มิดชิด หากสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย 3 ทาง คือ ทางผิวหนัง ทางปาก และการหายใจ หรือใช้สารเคมีไม่ถูกวิธีอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้


          สำหรับปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เป็นปัญหาใหญ่และรุนแรงมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการนำสารเคมีมาใช้อย่างแพร่หลายทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแบบเป็นพิษเฉียบพลัน และเป็นพิษเรื้อรัง ผลกระทบที่เป็นพิษเฉียบพลัน คือ ผู้ป่วยจะมีอาการทันทีหลังสัมผัสสารเคมี เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ท้องร่วง หายใจติดขัด ตาพร่า ผลกระทบที่เป็นพิษเรื้อรัง ได้แก่ เกิดพิษสะสมก่อให้เกิดโรคอื่นๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคผิวหนัง เป็นหมัน การพิการของทารกแรกเกิด การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เกษตรกรจึงควรอ่านฉลากวิธีใช้ให้เข้าใจ สวมเสื้อผ้า หน้ากาก ถุงมือ รองเท้าให้มิดชิดทุกครั้งระหว่างการผสม การฉีดพ่นสารเคมี ห้ามกินอาหาร น้ำหรือสูบบุหรี่ขณะผสมสารเคมีไม่ควรฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชขณะลมแรงหรือมีฝนตก ควรยืนอยู่เหนือลมเสมอ ไม่ควรนำภาชนะบรรจุสารเคมีมาใช้บรรจุน้ำดื่มหรือใส่อาหารเพื่อรับประทาน เพราะสารเคมีอาจปนเปื้อนในน้ำและอาหารได้ หากมีสารเคมีเปื้อนที่ผิวหนัง ให้ใช้น้ำสะอาดล้างอย่างน้อย 15 นาที และรีบอาบน้ำ ฟอกสบู่ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังจากฉีดพ่น หลังฉีดพ่นสารเคมีหากมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดท้อง คัน ระคายเคืองผิวหนัง มีผื่นแดง ปวดศีรษะ มึนงง เหงื่อออก น้ำตาไหลผิดปกติ กล้ามเนื้อบิดเกร็ง มีน้ำลายมาก พูดไม่ชัด คลื่นไส้ อาเจียนให้รีบไปพบแพทย์ และนำขวดหรือภาชนะบรรจุสารเคมีไปด้วย เพื่อประโยชน์ในการรักษาของแพทย์


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code