จิตแพทย์เผย’อึด ฮึด สู้’พลังใจลดการฆ่าตัวตาย
ที่มา : ไทยโพสต์
แฟ้มภาพ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าจำนวนกว่าครึ่งมีโอกาสการฆ่าตัวตายสูง หรือโรคทางกายอื่นๆ ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้น ควรสร้างกำลังใจ เข้มแข็ง และต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรค
ศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าจำนวนกว่าครึ่งมีโอกาสการฆ่าตัวตายสูง หรือโรคทางกายอื่นๆ ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV) อัมพฤกษ์อัมพาต เสียแขนเสียขา โรคมะเร็ง หรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวพร้อมกันหลายโรค สภาพความกดดันของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การเลี้ยงดูที่บกพร่อง พ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่วัยเด็ก ประคบประหงมลูกมากเกินไป เมื่อเกิดปัญหาก็ปรับตัวไม่ได้ คนที่คิดฆ่าตัวตายจะมีความรู้สึกไม่ผูกพันกับใคร ไม่มีใครให้แคร์ แต่คนที่รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า รู้ว่าตนเองอยู่เพื่อใครจะไม่คิดเรื่องฆ่าตัวตาย
ในประเทศไทยพบว่าผู้สูงอายุขาดความมั่นคงในด้านสุขภาพ ด้านการเงิน และโรคเรื้อรังต่างๆ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการฆ่าตัวตาย ผู้สูงอายุที่มีความคาดหวังในตัวลูกหลานว่าต้องอยู่กับตน จะรู้สึกทุกข์ใจ จึงควรสร้างกิจกรรมในชุมชนหรือชักชวนผู้สูงอายุมาออกกำลังกาย จัดการประชุมกลุ่มเพื่อให้เขารู้สึกมีค่าหรือเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ให้เห็นคุณค่าของตนเอง สิ่งนี้เป็นปัจจัยปกป้องผู้สูงอายุที่เหงาและโดดเดี่ยว การคิดว่าตัวเองเป็นภาระของลูกหลานหรือไม่มีใครสนใจตนเองก็มีโอกาสฆ่าตัวตายได้ง่าย อีกหนึ่งปัญหาคือ บุคลากรด้านจิตเวชที่ขาดแคลน การอบรม การให้ความรู้บุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถตรวจคนไข้ให้ได้ผล
คุณหมอระบุถึงการป้องกันแต่เนิ่นๆ ว่า การสังเกตพฤติกรรมบางอย่างของคนรอบข้างที่ไม่ควรมองข้าม เช่น ถ้าคนในครอบครัวเก็บตัวมากขึ้น เพื่อนร่วมงานขาดงานบ่อย พูดน้อยลง เพื่อนร่วมชั้นเรียนผลการเรียนตก มีอาการเหม่อลอย ควรสงสัยว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนี้มีปัญหา หรือคนที่มักจะพูดว่าถ้าไม่อยู่สักคนคงไม่เป็นไร คนที่มีลักษณะเช่นนี้ควรให้ความสนใจ ใส่ใจ และดูแลอย่างใกล้ชิด
"การนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายทำให้เกิดการลอกเลียนแบบ (Copy Cat) ในคนที่มีความเสี่ยง มีสภาพจิตใจที่เปราะบาง การนำเสนอข่าวฆ่าตัวตายไม่ควรนำมาขยายความต่อ คนที่มีความทุกข์ใจอยู่ในขณะนั้นเห็นว่าเรื่องดังกล่าวตรงกับชีวิตตัวเองก็อาจจะเลียนแบบการฆ่าตัวตายอย่างนี้ได้ รวมทั้งการนำเสนอวิธีการฆ่าตัวตายในแบบต่างๆ เมื่อมีการนำเสนอข่าวบ่อยขึ้น พาดหัวข่าวการฆ่าตัวตาย สิ่งนี้เป็นการส่งผลกระทบต่อความเชื่อมโยงของสังคม และเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากขึ้น" นพ.มาโนชกล่าว และเสริมอีกว่า
เมื่อมีปัญหา มองความสามารถที่จะอึดสู้กับปัญหานั้น "อึด ฮึด สู้" (Resilience) การสร้างกำลังใจ เข้มแข็ง และต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรค ปัจจัยด้านนี้จะทำให้เราผ่านพ้นความทุกข์ไปได้โดยไม่คิดที่จะยุติชีวิตตัวเอง ในด้านการศึกษา โรงเรียนควรส่งเสริมหรือสอดแทรกการสอน "ทักษะชีวิต" ให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา-ระดับมัธยมศึกษา สอนการปรับตัว การขจัดความเครียด สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง การรู้จักมองปัญหาในแง่มุมอื่น ต่อปัญหาถือเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานของแต่ละคน สิ่งนี้เป็นการส่งเสริมเพื่อลดปัญหาการฆ่าตัวตายที่ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัว
"การนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายทำให้เกิดการลอกเลียนแบบ (Copy Cat) ในคนที่มีความเสี่ยง มีสภาพจิตใจที่เปราะบาง การนำเสนอข่าวฆ่าตัวตายไม่ควรนำมาขยายความต่อ คนที่มีความทุกข์ใจอยู่ในขณะนั้นเห็นว่าเรื่องดังกล่าวตรงกับชีวิตตัวเองก็อาจจะเลียนแบบการฆ่าตัวตายอย่างนี้ได้"