จากพระบรมราโชวาท สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย พลังสร้างชาติ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


จากพระบรมราโชวาท สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย พลังสร้างชาติ thaihealth


แฟ้มภาพ


          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม พ.ศ.2549 ความตอนหนึ่งว่า


          "…คนที่อายุมาก ถ้ารักษาความดี รักษาคุณสมบัติ คุณธรรม ก็ได้เปรียบคนที่อายุน้อย และในประเทศชาติ ถ้ามีคนที่มีอายุมาก และได้เปรียบ ชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้าได้…"


          พระบรมราโชวาทนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ และภาคีเครือข่าย น้อมนำมาสู่การจัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการมุ่งสู่ "สูงวัยสร้างเมือง" เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และขับเคลื่อนงานสู่การสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม


          นายธวัชชัย ฟักอังกูร ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. กล่าวถึงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ด้านการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรื่องการดูแลผู้สูงอายุอาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในปัจจุบันตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า การสงเคราะห์ดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุเป็นงานหลักของ อปท. เพราะฉะนั้นทุกคนมั่นใจได้ว่า นอกจากหน่วยงานหลักที่ดูแลโดยเฉพาะแล้ว อปท.เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ถูกกำหนดไว้ให้ดูแลผู้สูงอายุเช่นกัน เมื่อปี พ.ศ.2559 จึงได้มีการมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันเพื่อที่จะพัฒนางานช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีชีวิตที่ดีขึ้น


จากพระบรมราโชวาท สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย พลังสร้างชาติ thaihealth


          "ในอนาคตจะมีจำนวนและสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2579 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2583 องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประ เมินไว้ว่า ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในอาเซียน ฉะนั้นงานวันนี้เป็นคำตอบได้ว่า การดูแลผู้สูงอายุเป็นหน้าที่ของทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ทุกชุมชน และทุกคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม โดยเฉพาะ อปท. ถือเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุเพื่อให้งานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุประสบความสำเร็จ จึงเกิดการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงของ อปท.ทั้ง 66 แห่งทั่วประเทศ ผ่านกลยุทธ์หลัก 5 อ. คือ 1.อาชีพ 2.อาหาร 3.ออกกำลังกาย 4.ออม 5.อาสาสร้างเมือง และ 5 ก. 1.การป้องกันและลดอุบัติเหตุ 2.การตั้ง และพัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ 3.การพัฒนาชมรมผู้สูง อายุ 4.การดูแลต่อเนื่อง 5.การบริการกายสุขภาพ" นายธวัชชัยกล่าว


          การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยยึดหลัก "5 อ. 5 ก." ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ต้นแบบให้กับชุมชนต่างๆ ได้เข้ามาเรียนรู้ โดย นายประกิจ เสาร์แก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เล่าว่า พื้นที่ ต.ป่าไผ่ได้กำหนดหลักพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นนโยบายแรกในการบริหารงานของเทศบาล โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นปูชนียบุคคลที่มีคุณค่าต่อคนในชุมชน จวบจนกระทั่งได้รับงบประมาณส่วนหนึ่งมาจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุของ จ.เชียงใหม่ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากผู้สูงอายุเป็นอย่างดี ทำให้ศูนย์พัฒนาฯ ถูกยกระดับขึ้นให้เป็นโรงเรียนผู้สูงอายุ


          "โรงเรียนผู้สูงอายุให้ความสำคัญในการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุในชุมชน เข้าไปสนับสนุนและจัดระบบให้ผู้สูงอายุเข้าใจคำว่า สัมมาชีพและเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น โดยมีหลักสูตร 6 เดือน ผ่านการสอนจากครู แพทย์ และพระอาจารย์ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่จบการศึกษาไปเป็นคนแก่ที่มีคุณค่า เป็นคนชราอย่างมีคุณภาพและศักดิ์ศรี" นายประกิจกล่าว


จากพระบรมราโชวาท สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย พลังสร้างชาติ thaihealth


          ด้าน นายนริศ กิจอุดม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เล่าว่า การดูแลผู้สูงอายุถือเป็นภารกิจหลักในการทำงานของตนและองค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ด้วยการจัดตั้งชมรมในหมู่บ้านและจากการทำงานร่วมกับชาวบ้าน ทำให้คณะทำงานเห็นถึงปัญหาของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การเจ็บป่วย รวมไปถึงกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้สูงอายุตามไม่ทัน ส่งผลให้เกิดการระดมแนวคิดในการแก้ไขปัญหาผ่านการสนับสนุนจาก สสส. โดยคณะทำงานได้ไปศึกษาเรียนรู้พื้นที่ต้นแบบโรงเรียนผู้สูงอายุ เพื่อนำมาปรับใช้กับชมรมผู้สูงอายุให้พัฒนาเป็นโรงเรียนผู้สูงอายุที่มีหลักสูตรมุ่งเน้นเรื่องการเสริมสร้างอาชีพ การดูแลสุขภาพตนเอง ควบคู่ไปกับการสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างให้ผู้สูงอายุมีศักยภาพและคุณค่าต่อสังคม


          "การทำงานไม่ว่าในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ล้วนมีความยากทั้งสิ้น ดังนั้นคนที่เป็นผู้นำจะต้องแน่วแน่ เข้มแข็ง รู้จักสร้างเครือข่าย และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา หากก้าวผ่านความยากลำบากในปีแรกไปได้ คือความสนุกและความสุขในการทำงานทั้งสิ้น" นายนริศกล่าวปิดท้าย


          การทำงานของ สสส.และภาคีเครือข่ายคือการสร้างความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ผู้สูงอายุที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ด้วยการวางแผนและออกแบบระบบเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อย่างรู้เท่าทัน.

Shares:
QR Code :
QR Code