จากความเข้าใจ สู่การเปลี่ยนแปลง เสียงเรียกร้องของคนข้ามเพศ

เรื่องโดย ภินันท์ชญา สมคํา Team Content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจาก สุขภาวะของคนข้ามเพศ (ข้ามเพศมีสุข) ครั้งที่ 2

ภาพโดย ภินันท์ชญา สมคํา Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

                   ในโลกที่คำว่า “สิทธิมนุษยชน” ถูกพูดถึงในทุกเวที แต่”ประตูบานต่อไป…ของความเท่าเทียมคนข้ามเพศในสังคมไทย” ยังบางเบาเกินกว่าจะได้ยิน เนื่องจากบางชีวิตที่ “ต้องพิสูจน์” ว่า ควรได้รับสิทธิเหมือนใคร ๆ ทั้ง ๆ ที่บางเสียงไม่ได้เรียกร้อง “อภิสิทธิ์” เพียงแค่ต้องการสิทธิพื้นฐานการมีสุขภาพดี สิทธิในการเข้าถึงยาฮอร์โมนที่ปลอดภัย สิทธิในการได้รับการรักษาที่เคารพตัวตน และสิทธิในการเป็นตัวเองโดยไม่ถูกตัดสิน

                   นั่นจึงเป็นที่มาของงาน “ข้ามเพศมีสุข” ปีที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่นภายใต้การสนับสนุนของสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเป็นเวทีในการขับเคลื่อนและเปิดทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม

                   เวทีนี้…เปรียบเสมือน “ประตูอีกบาน” ที่เปิดกว้างให้สังคมไทยได้ยินเสียงของคนข้ามเพศชัดขึ้น ทั้งความจริง ความรู้สึก และความหวังเล็ก ๆ ที่จะได้ “เป็นตัวเองอย่างปลอดภัย” เพราะในสังคมความหลากหลาย  ควรเป็นเรื่องธรรมดา เราต่างมีหน้าที่ร่วมกันผลัก “บานประตูของความเท่าเทียม” ให้เปิดกว้างมากขึ้น

                   เสียงของคนข้ามเพศกว่า 29  องค์กร ถูกส่งผ่านเวทีที่เรียกว่าเป็นเวทีแห่งความเท่าเทียมและสุขภาวะทางเพศ “ข้ามเพศมีสุข” เป็นงานที่รวบรวมทั้งภาครัฐ นักวิชาการ ภาคประชาสังคม และกลุ่มคนข้ามเพศ เพื่อพูดคุยถึงแนวทางพัฒนาสุขภาวะทางเพศของคนข้ามเพศในไทย ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เรื่องสุขภาพ แต่ยังสร้างพื้นที่ให้คนข้ามเพศได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อเสนอแนะต่อระบบสาธารณสุขไทยอย่างตรงไปตรงมา

                   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนเวทีแห่งความสำคัญนี้คือการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดในชีวิตมนุษย์ ในการ “การเข้าถึงสุขภาพที่ปลอดภัยและเคารพในอัตลักษณ์” ที่สะท้อนถึงการเข้าถึงยาฮอร์โมนภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อให้คนข้ามเพศสามารถเข้าถึงการรักษาอย่างปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพายานอกระบบที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว และลดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายที่หลายคนต้องเผชิญอย่างเจ็บปวด

                   ความจริง ยาฮอร์โมน สําหรับคนข้ามเพศ ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความหวัง หลายคนอาจมองว่าการใช้ ฮอร์โมนสำหรับคนข้ามเพศ เป็นทางเลือกส่วนบุคคล แต่สำหรับคนกลุ่มนี้ เป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตในแบบที่ตรงกับอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างมั่นใจ

                   ทว่าปัจจุบัน การเข้าถึงยาฮอร์โมนที่ปลอดภัยและมีคุณภาพยังเป็นเรื่องยาก ทั้ง ๆที่ฮอร์โมนไม่ใช่ยาเสริมสวย หลายคนต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายสูง และความเสี่ยงจากการใช้ยาเถื่อนที่ไม่มีแพทย์ดูแล ต้องซื้อยาตามร้านค้าหรือออนไลน์  ทําให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก ดังนั้นการผลักดันให้ยาฮอร์โมนได้รับการคุ้มครองภายใต้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จึงเป็นก้าวสําคัญที่ช่วยให้คนข้ามเพศได้รับการดูแลที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และเท่าเทียมกับประชากรกลุ่มอื่น ๆ

                   ทั้งนี้ เนื่องจาก ระบบสุขภาพไทยอาจยังไม่เข้าใจ ความรู้สึก  “แม้ฉันจะแปลงเพศแล้ว แต่โรงพยาบาลยังจัดให้อยู่โซนชายแบบผิดเพศ การไม่เรียกตามสรรพนามที่เขาใช้ หรือแม้แต่สายตาล้อเลียนในห้องตรวจ  เหล่านี้คือบาดแผลเงียบ ๆ ที่คนข้ามเพศต้องแบกรับ…”  คุณเจสซี่ เจษฎาพร ทองงาม กลุ่มพะยูน ศรีตรัง ส่งเสียงเรียกร้องเหล่านี้ด้วยหัวใจ ไม่ได้มาจากอารมณ์ แต่มาจากประสบการณ์ที่ “รู้สึกไม่เป็นคน” ซึ่งทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจและไม่เป็นธรรมกับสถานะทางเพศของตนเอง นี่เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงการขาดความเข้าใจในเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ และการที่ระบบสุขภาพยังไม่ปรับตัวให้เหมาะสมกับคนข้ามเพศ

                   อย่างน้อยประสบการณ์ของคุณเกรซที่ถูกจัดให้อยู่ในโซนผู้ชายหลังการแปลงเพศ คือ ภาพสะท้อน “อคติ” ยังอยู่ลึกในระบบ แม้ร่างกายจะเปลี่ยน แต่ระบบก็ยังบอกให้เขาเป็น “ใครอีกคน” ที่ไม่ใช่ตัวเอง ความเข้าใจเพียงผิวเผิน ทําให้บริการสุขภาพกลายเป็นพื้นที่แปลกแยก ทั้งที่ควรจะเป็นที่พักพิง

                   ในสังคมที่บอกว่าทุกคนเท่ากัน คนข้ามเพศกลับต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทุกครั้งที่เดินเข้าสู่ระบบ พวกเขาไม่ได้เรียกร้องอภิสิทธิ์ มีเพียงความหวังเล็ก ๆ ที่จะได้เข้าถึงการรักษาที่เคารพต่ออัตลักษณ์ตนเอง หากการมองเห็นและยอมรับความหลากหลายทางเพศในระบบสาธารณสุข ไม่เพียงแต่จะทําให้คนข้ามเพศได้รับการดูแลที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ําในสังคมได้อีกด้วย

                   อีกฟากหนึ่งเป็นเสียงจากคนทํางานสุขภาพ สะท้อนความเหลื่อมล้ำที่ยังมีอยู่จริงของคนข้ามเพศ คือ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สะท้อนภาพรวมในมุมมองในปัจจุบันว่า

                   …แม้ความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศจะมีแนวโน้มเปิดกว้างมากขึ้น แต่คนข้ามเพศจํานวนไม่น้อยยังเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในระบบบริการสุขภาพอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะจากข้อมูลการศึกษาดัชนีการตีตราผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวี ปี 2566 พบว่า กลุ่มคนข้ามเพศเป็นกลุ่มที่ถูกเลือกปฏิบัติสูงที่สุด ถึง 25%

                   ซึ่งนอกจากการถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมแล้ว หลายคนยังต้องเสี่ยงใช้ฮอร์โมนที่ไม่ได้มาตรฐานจากแหล่งนอกระบบ อันเป็นผลมาจากการเข้าไม่ถึงบริการที่ปลอดภัย แค่เป็นตัวเอง…ก็ยากพอแล้ว และน่าแปลกใจว่า ในประเทศที่พูดเรื่องความเท่าเทียมได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อคนข้ามเพศเดินเข้าโรงพยาบาล
พวกเขากลับรู้สึกเหมือน “ต้องทิ้งตัวตนไว้ที่ประตู”

                   สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงเป็นอีกหนึ่งกําลังสําคัญในการสนับสนุนสุขภาวะทางเพศที่ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร ไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนงานวิจัยและนโยบาย แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ทําให้คนข้ามเพศสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม

                   ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ให้ความรู้เรื่องสุขภาพสําหรับคนข้ามเพศ ผลักดันการเข้าถึงยาฮอร์โมนที่ปลอดภัยผ่านระบบหลักประกันสุขภาพ สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่เท่าเทียม ที่ไม่ควรเป็นเพียงความหวัง สร้างสังคมที่เปิดกว้างเข้าใจ และให้คุณค่ากับทุกอัตลักษณ์ทางเพศ  แต่ต้องเป็นความจริงที่จับต้องได้ด้วยพลังจากทุกภาคส่วน

                   สสส. ขอเดินหน้าร่วมทางกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิคนข้ามเพศ  อย่าง “เข้าใจ-ไม่ดราม่า” และ “จริงใจ-ไม่ตัดสิน” เพื่อให้สังคม เปิดใจ ฟัง และขยับไปข้างหน้า ที่ไม่เพียงยอมรับ แต่เข้าใจ และสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสังคมตามแบบที่ตนเองเป็น

 

Shares:
QR Code :
QR Code