จอมบึงมาราธอนงานวิ่งชาวบ้านมาตรฐานสากล

          ความใฝ่ฝันอันสูงของเหล่านักวิ่งมาราธอน ขอสักครั้งในชีวิตต้องไปลงสนามงานวิ่งจอมบึง ในวงการวิ่งจะกล่าวขานกันว่า "ใครไม่เคยวิ่งสนามจอมบึง ไม่ใช่นักวิ่งที่แท้จริง" เพราะที่นี่คือตำนานของการจัดงานวิ่งที่อาจเรียกว่าเก่าแก่สุดในประเทศไทย 29 ปีแล้วของจอมบึงมาราธอน ภายใต้สโลแกน "งานวิ่งประเพณีชาวบ้าน ที่มีมาตรฐานสากล"


/data/content/27019/cms/e_abcgrwyz2456.jpg


          ย้อนไปเมื่อปี 2528 อาจารย์ของวิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึงกลุ่มหนึ่ง สนใจการวิ่งเพื่อสุขภาพโดยมีอาจารย์ณรงค์ เทียมเมฆ และ อาจารย์สมจิต สง่าพันธุ์ เป็นผู้ริเริ่ม ครั้งนั้นมีผู้วิ่งไม่ถึง 100 คน เก็บค่าสมัครคนละ 20 บาท จุดเริ่มต้นอยู่ที่วัดเขาบิน เส้นชัยอยู่ที่ถ้ำจอมพล


          นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา จำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมีมากกว่า 5,000 คน ต่อมาในปี 2542 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา คณะกรรมการจัดงานจึงได้จัดวิ่งมาราธอนเป็นระยะทาง 42.195 กม. จากแรกเริ่ม 10 กม. และ 21.1 กม. ชื่องานจึงเปลี่ยนเป็นจอมบึงมาราธอน จนถึงปัจจุบัน


          ฤดูกาลประเพณีการวิ่งของจอมบึงมาราธอนทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนมกราคม สภาพอากาศที่เย็นในช่วงหน้าหนาว แม้เส้นทางการวิ่งจะเป็นถนนลาดยาง แต่รถราที่ผ่านน้อยเต็มที


          บรรยากาศความเป็นชนบทท่ามกลางธรรมชาตินำพานักวิ่งจากทั่วสารทิศทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารวมตัวกันที่นี่ เสน่ห์ของงานวิ่งที่นี่คือเรื่องของชุมชน แต่ละจุดของการบริการน้ำจะมีชาวบ้าน นร.ตัวน้อย มาหยิบยื่นน้ำให้กำลังใจนักวิ่ง บางจุดมีเหล่ากองเชียร์ตัวน้อยมาร้องเพลงเชียร์ ให้เหล่านักวิ่งได้ฮึกเหิมราวกับเป็นนักกีฬาอยู่ในสนาม


     /data/content/27019/cms/e_efknpqrwxz29.jpg     "จอมบึงมาราธอน เป็นงานวิ่งที่มีเส้นทางดีมาก คนวิ่งมาราธอนจะรู้ดีว่าพื้นถนนสมบูรณ์มาก อากาศดี ทำให้นักวิ่งมีพลังวิเศษ การจัดงานที่ดูแลนักวิ่งทุกคนเป็นอย่างดีจนถึงคนสุดท้ายที่เข้าเส้นชัย ยืนยันได้ว่านักวิ่งหน้าใหม่จะประทับใจ ส่วนนักวิ่งประจำก็จะติดจนอยากกลับมาวิ่งทุกปี" ทพ.กฤษดา เรืองอารีรัชต์ ผู้จัดการ สสส.บอกเล่าในฐานะผู้ใช้สนามจอมบึงมาราธอนลงมาราธอนครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา


          จอมบึงเป็นงานวิ่งที่มากกว่างานวิ่งไปแล้ว เพราะการจัดงานมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน รวมทั้ง นศ. อาจารย์งานดี ๆ เหล่านี้สามารถเป็นต้นแบบให้งานวิ่งอื่น ๆ ได้


          ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่าในปี 2558 การจัดงานวิ่งจอมบึงเดินทางมาครบ 30 ปี ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ต้อนรับนักวิ่งจากทั่วประเทศ และหากเป็นไปได้จอมบึงมาราธอนจะก้าวสู่การเป็นงานวิ่งระดับนานาชาติ ดังนั้นในครั้งนี้จึงมีการจัดนิทรรศการย้อนรอย 3 ทศวรรษจอมบึงมาราธอน


          ปีนี้งานจอมบึงมาราธอนจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 ม.ค. ในชื่องาน Thai Health Chombueng Marathon 2015 โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) อ.ณรงค์ ในฐานะผู้บุกเบิกงานวิ่งจอมบึง กล่าวว่าในโอกาสครบ 30 ปีจอมบึงมาราธอน กล่าวว่า ในเช้าวันศุกร์ที่ 16 ม.ค. จะมีกลุ่มนักวิ่ง 30 ปี จอมบึง 100 ไมล์ ออกวิ่งจากหน้ากระทรวงกลาโหม จะถึง อ.จอมบึง ก่อนเวลา 15.00 น. เพื่อร่วมขบวนแห่ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเช้าวันที่ 18 ม.ค. นักวิ่งกลุ่มนี้จะร่วมวิ่งระยะฟูลมาราธอนรวมระยะทาง 100 ไมล์


          "ปีนี้พวกเราจะไปจอมบึงด้วยสองเท้า" พี่บุ๊ย หรือ มนตรี บุณยศักดิ์ นักเขียนและนักวิ่งอัลตร้ามาราธอน บอกเล่าผ่านนิตยสาร Thai Jogging วิ่งเพื่อสุขภาพ


          "ผมมีกลุ่มเพื่อนที่ซ้อมวิ่งกันอย่างน่ามหัศจรรย์ โดยที่พวกเขาสามารถวิ่งวันละ 50 กม. ต่อวัน คือเรียกได้ว่าสามารถวิ่งมาราธอนรายวันได้เลย ชื่อกลุ่ม "ลากไส้" สมาชิกในกลุ่มหลายคนที่รักการวิ่งมากและวิ่งซิตี้รันอยู่เป็นประจำ คนกลุ่มนี้มีสุขภาพดีเป็นพิเศษ เลยชักชวนมารวมตัวกันทำอะไรเพื่องานนี้ ในโอกาสครบรอบ 30 ปี เราจะวิ่งไปจอมบึงด้วยกัน"


          พี่บุ๊ย บอกว่าการวิ่งครั้งนี้ต้องการจะสื่อสารกับสังคมว่า การวิ่งระยะทาง 50-70 กม.ต่อวันเป็นไปได้ แต่ต้องทำบนพื้นฐานของร่างกายที่ฝึกฝนมา เปรียบเหมือนกับวงปีของงานจอมบึงมาราธอนที่ผ่านกาลเวลาและผ่านอะไรมาหลาย ๆ อย่าง ซึ่งการวิ่งอัลตร้ามาราธอนได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ


          "การที่คนเราจะวิ่ง 50 หรือ 100 กม.ได้นั้น พวกเขาต้องแข็งแรง และผ่านการฝึกซ้อมและสะสมระยะทางการวิ่งมาพอสมควร ไม่ใช่เพราะความคึกคะนองเท่านั้น" นักวิ่งอัลตร้ามาราธอนทิ้งท้าย


          ผู้สนใจลงวิ่งจอมบึงมาราธอนดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ (http://www.chombuengmarathon.com)


 


 


        ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code