งด ลด เลิกเมา เพิ่มสุข
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากเฟสบุ๊กเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
จากโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาที่ได้รับการตอบรับที่ดีในทุกชุมชนทั่วประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้สานต่อกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถงดเหล้าได้ตลอดไป
โครงการ "ลดเมาเพิ่มสุข" เป็นอีกโครงการล่าสุดที่ สสส. ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อรณรงค์ ลด ละ เลิกเหล้า ด้วยการรุกเข้าไปสร้างความรู้ความเข้าใจในระดับชุมชน รวมถึงเยาวชน
ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า การรณรงค์ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับชุมชน ภายใต้คำขวัญ "ลดเมาเพิ่มสุข" เป็นการชี้ให้เห็นว่า หากเราสามารถลดการดื่มได้ จะช่วยสร้างความสุข ทำให้สุขภาพแข็งแรง จิตใจแจ่มใส มีปัญญา ปัญหาสังคมลดลง ซึ่งคำว่า "เมา" หมายรวมทั้งเมาสุรา และเมายาเสพติดทุกชนิด
"การเริ่มต้นในช่วงเข้าพรรษา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยเราจะชวนคนในชุมชนงด ลด เลิก และจะรณรงค์ไปจนถึงช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวที่มีการเดินทางมาก หากชาวบ้านสามารถงดช่วงเข้าพรรษาได้ ก็จะเชิญชวนให้เลิกโดยเด็ดขาดใน วันแม่ วันพ่อ หรือวันปีใหม่" ดวงพร กล่าว
การรณรงค์ลดเมาเพิ่มสุขเริ่มจากเครือข่ายร่วมสร้างชุมชน ท้องถิ่นน่าอยู่ 2,000 กว่าแห่ง ครอบคลุมทุกภาคของประเทศหมู่บ้านต๊ำพระแล จังหวัดพะเยา หนึ่งในชุมชนต้นแบบที่คนในชุมชนสามารถ ละ เลิก อบายมุข จนเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง
อดุลย์ อ้อยหวาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่11ตำบลบ้านต๊ำ จังหวัดพะเยา เล่าว่า ก่อนหน้านี้หมู่บ้านต๊ำพระแลมีประชากรดื่มสุราติดอันดับของจังหวัดพะเยา แต่เมื่อ สสส. ได้เข้ามาส่งเสริมกิจกรรมทำให้ทุกวันนี้ หมู่บ้านต๊ำพระแล เป็นหมู่บ้านปลอดแอลกอฮอลล์มีการจัดโครงการอาชีพเสริมให้แก่ประชากรในหมู่บ้านได้ทำหลังจากว่างเว้นจากงานประจำ และกิจกรรมหมู่บ้านศีล5ให้แก่เยาวชนในหมู่บ้านได้เรียนรู้วิชาธรรมะจากทางวัด ถือเป็นตัวอย่างหมู่บ้านลดเมาเพิ่มสุข
"หมู่บ้านของเราเริ่มจากคนในหมู่บ้านทำบัญชีครัวเรือนรายได้ รายจ่ายในแต่ละวัน ทำให้เรารู้ว่ารายได้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน แต่เสียค่าเหล้าค่าสุราวันละร้อยกว่าบาท ทำให้คิดได้ว่ามันไม่คุ้มกัน จากนั้นทางหมู่บ้านก็ตั้งกฎปรับ 5,000 บาท ถ้าดื่มในงานบุญและ งานสีเทา แต่ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็จะตัดออกจากสมาชิกหมู่บ้าน เขาก็จะ กลัวกันเพราะถ้าเป็นสมาชิกหมู่บ้านเสียชีวิตจะได้ 60,000-80,000 บาท แต่ถ้าถูกตัดสิทธิก็จะไม่ได้และต้องเว้นระยะ 2 ปี แถมยังต้องจ่ายเงิน 10,000 บาท ด้วย ถึงจะเป็นสมาชิกหมู่บ้านได้ใหม่"
นอกจากกติกา บทลงโทษที่เคร่งครัด ชุมชนยังพยายามเปลี่ยน วิถีชีวิตผู้คนให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการส่งเสริมการทำอาชีพเสริม เช่น ทำยาหม่อง บายศรี เครื่องจักสารต่างๆ น้ำยาอเนกประสงค์ที่ใช้ทั้งล้างจานและซักผ้าได้ มีเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ทำให้เขามีรายได้เสริมจากการทำอาชีพหลักและห่างไกลจากสุราแอลกอฮอล์อีกด้วย
บุศกร อ้อยหวาน เป็นอีกในหนึ่งตัวอย่างร้านค้าสีขาวของชุมชนที่เลือกจะไม่ขายเหล้าและบุหรี่ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า18 ปี และในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ
"ตอนแรกๆ ที่ไม่ขาย แต่ก็ยังมีอีกเยอะที่มาซื้อ เขาก็โวยวายกันว่าทำไมไม่ขาย เสียเงินมาซื้อ แต่พอหลังๆ เขาก็จะรู้กันว่าร้านนี้ไม่ขายนะ เขาก็จะไม่มาซื้อ ดีใจที่เห็นทุกคนในหมู่บ้านมีความต้องใจที่จะ ลด ละ เลิก แอลกอฮอล์อย่างจริงจัง ที่เลือกที่จะเข้าร่วมโครงการนี้เพราะสามีก็เคยติดสุรา แถมมีลูกชายด้วย ลองคิดดูว่า ถ้าเป็นลูกชายเราจะเป็นอย่างไร ใจเขาใจเรา เราก็ไม่อยากให้ลูกชายเราเป็นอะไรไปเพราะสุราและแอลกอฮอล์"บุศกร กล่าว
ตัวอย่างของคนที่แม้ชีวิตไม่เมา (สุรา) ก็สุขได้ แถมยังเป็นสุขที่แท้จริงและยั่งยืนอีกด้วย