งดเหล้า เซาหวย ช่วยประหยัด สู้โควิด เริ่มที่เข้าพรรษานี้
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบ สสส.
มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน – สสส. ชวนคนไทยงดเหล้า งดหวย ช่วยประหยัด สู้โควิด-19 หลังผลโพลพบการเงินครัวเรือนไทยร่อแร่ กว่าร้อยละ 70 เผยหากระบาดซ้ำรอบสอง ครอบครัวลำบากแน่ แนะทุกครอบครัวปรับความปกติใหม่ทางการเงิน ตัดรายจ่ายไม่จำเป็น
ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง จังหวัดนนทบุรี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน จัดแถลงข่าวการรณรงค์ “งดเหล้า เซาหวย ช่วยประหยัด สู้โควิด เริ่มที่เข้าพรรษานี้” ในงานมีการแสดงเทศนาธรรม “โอ่งธรรม โอ่งชีวิต” โดย พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ และพิธีประกาศปณิธานงดเหล้า งดหวย ในช่วงเข้าพรรษา ของประชาชนจาก 5 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน 10 จังหวัด ภายใต้การสนับสนุนโครงการรณรงค์หยุดพนัน โดย สสส. ได้ร่วมกันสำรวจสถานการณ์และความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ปกติใหม่ทางการเงินในยุคโควิด-19” ระหว่างวันที่ 15-30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 1,060 คน
พบว่า ในช่วงปกติที่ยังไม่เกิดวิกฤตโควิด-19 ฐานะทางการเงินของครัวเรือนไทยโดยส่วนใหญ่อยู่ในสภาพไม่มั่นคงอยู่แล้ว เมื่อเผชิญวิกฤตโควิด-19 จึงประสบปัญหาที่ทับถมรุนแรง จากการถามถึงผลกระทบหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งได้รับความกระทบกระเทือน โดย 59% ตอบว่ามีรายรับลดลง 52% มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 62% มีเงินออมลดลง แต่ที่น่าห่วงคือ 36% ที่มีหนี้สินเพิ่มขึ้น
เมื่อถามถึงการปรับตัวทางการเงินขณะเผชิญโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่ 40% ใช้วิธีลดรายจ่าย ขณะที่ 29% พยายามหารายได้เพิ่ม มี 13% ที่มีการปรับตัวด้านการออม บางคนต้องออมน้อยลง แต่บางครัวเรือนออมมากขึ้น แต่มี 15% เลือกวิธีก่อหนี้เพิ่ม เมื่อให้ผู้ตอบแบบสำรวจให้คะแนนความสามารถตัวเอง ในการจัดการการเงินช่วงโควิด มีเพียง 22% ที่ให้คะแนนตัวเองในเกณฑ์ดี-ดีมาก ที่เหลือ 57% ให้คะแนนตัวเองออกมาทางพอใช้-น้อย ซึ่งถือว่าน่าจะไม่พึงพอใจผลงานของตนเอง
“เมื่อถามว่าหลังจากรัฐบาลคลายล็อคแล้ว มีความพยายามลดรายจ่ายใดที่ไม่จำเป็นลงบ้างหรือไม่ พบว่าครัวเรือนไทยจำนวนไม่น้อยมีความพยายามอย่างน่าชื่นชม 47% พยายามลดรายจ่ายค่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม 40% ลดค่าล็อตเตอรี่ 36% ลดค่าหวยใต้ดิน พอๆ กับที่พยายามลดการช็อปสินค้าออนไลน์ 30% ลดค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 11% ลดค่าบุหรี่ แต่ถึงจะพยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงมากเท่าไร
พบว่า หากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่กลับประเมินว่า ตัวเองจะอยู่รอดได้ยาก เพราะ 14% ตอบว่าครอบครัวจะอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน 29% ตอบว่าอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน 17% อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน และ 9% อยู่ได้ไม่เกิน 12 เดือน แสดงว่า 70% ของครัวเรือนไทยจะลำบากยากขึ้นแน่ ๆ หากมีการระบาดรอบที่สอง” นายธนากร กล่าว
นางเอือก ผลเจริญ ภาคีเครือข่ายมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ในอดีตสามีของตนติดสุรา บุหรี่ และเล่นหวยอย่างหนัก กระทั่งครอบครัวลำบาก ประสบปัญหาทางการเงิน เกือบจะต้องเลิกรากัน แต่จุดเปลี่ยนของการเลิกอบายมุขทั้งหมด เกิดจากความกังวลเป็นห่วงอนาคตของลูก ลูกอาจไม่ได้เรียนหนังสือ สามีจึงค่อย ๆ เลิกอบายมุขทั้งหมด เริ่มเก็บออมเงิน บางส่วนเอาไปใช้หนี้ และเริ่มซื้อที่นาในต่างจังหวัดเพื่อทำการเกษตร จนทุกวันนี้ตนและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก ตนจึงอยากถือโอกาสนี้เชิญชวนทุกครอบครัวมาเก็บออมเงินให้เป็นความปกติใหม่ทางการเงิน อุดรอยรั่วในการใช้ชีวิต โดยตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อรองรับทุกวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นางพัณนิดา วังเวงจิต ผู้นำชุมชนบ้านคาบเหนือ จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่บางครอบครัวกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต เช่น เกิดภาระหนี้สินจากการเล่นหวยเกินขนาด หรือดื่มเหล้าจนไม่เป็นอันทำมาหากิน ทำให้ครอบครัวมีรายรับไม่พอกับรายจ่าย การที่ชุมชนมีระบบการเงินของตนเองเปรียบเสมือนเป็นแหล่งกักเก็บน้ำของชุมชน ที่คอยจุนเจือไม่ให้โอ่งเก็บน้ำที่กำลังแห้งขอดของครัวเรือนต้องแห้งสนิท ได้ช่วยให้หลายครอบครัวสามารถยืนหยัดจนฝ่าพ้นวิกฤตมาได้
ในช่วงโควิดนี้ก็เช่นเดียวกัน หากชุมชนไหนมีระบบการดูแลกันที่ดี มีการบริหารจัดการตนเองที่ดี โปร่งใสไว้ใจได้ ก็จะช่วยให้สมาชิกในชุมชนเกิดความอุ่นใจว่า ถึงวิกฤตจะรุนแรงเพียงใด แต่เราก็ยังสามารถจะนำพาทุกคนข้ามผ่านมันไปด้วยกันได้