คุมเข้มคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


คุมเข้มคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก thaihealth


กรมชลประทาน คุมเข้มคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สั่งเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ หวั่นความเค็มกระทบพื้นที่การเกษตร พร้อมรับมือเอลนีโญที่จะทำให้ช่วงแล้งยาวนาน มั่นใจเขตชลประทานพ้นวิกฤตภัยแล้ง


นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าแล้งนอกจากกรมชลประทานจะให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำแล้ว มาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำสายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี และแม่น้ำเพชรบุรี ก็ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยได้บริหารจัดการน้ำให้สัมพันธ์กับการขึ้นลงของน้ำทะเล พร้อมควบคุมการเปิดปิดประตูระบายน้ำตามคลองต่างๆ ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าพื้นที่การเกษตร และทำการตรวจวัดค่าความเค็มที่จุดเฝ้าระวังและจุดควบคุมเป็นรายชั่วโมงจนกว่าจะสิ้นสุดหน้าแล้ง โดยเฉพาะในแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำบางปะกง อย่างไรก็ตามยังไม่พบปัญหาคุณภาพน้ำเสีย


สำหรับสถานการณ์น้ำหน้าแล้งจนถึงขณะนี้ ยืนยันว่าในพื้นที่เขตชลประทานจะไม่ขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน แม้จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลกระทบให้หน้าแล้งยาวนานกว่าปกติก็ตาม เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ได้ถูกจัดสรรอย่างเพียงพอไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2562 และยังเพียงพอสำหรับสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนด้วย


ขณะที่ในส่วนของพื้นที่นอกเขตชลประทาน จากการวิเคราะห์ของสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค 7 จังหวัด


ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ชัยภูมิ เชียงใหม่ นครราชสีมา นครสวรรค์ ราชบุรี และจังหวัดเลย และพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรรวม 18 จังหวัด เช่น จังหวัดอุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น


ทั้งนี้ได้วางมาตรการเตรียมความพร้อมและแนวทางช่วยเหลือ โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแต่ละภูมิภาคทั้งในและนอกเขตชลประทานตลอด 24 ชั่วโมง

Shares:
QR Code :
QR Code