คุณพ่อขอแจมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

 

การที่คนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยา พ่อแม่ (พ่อแม่สามี-ภรรยา) รวมถึงลูกๆมีความสัมพันธ์เชิงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้านปลูกต้นไม้ เป็นต้น เป็นเรื่องที่ดีงามเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นการสร้างความรักความอบอุ่นในวิถีแห่งความปรองดองสามัคคีที่จะก่อให้เกิดความสุขสงบร่มเย็นได้เป็นอย่างดียิ่ง

ยิ่งถ้าพูดถึงการมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกๆตั้งแต่ยังเล็กๆ เช่นแม่ให้นมลูกสามีหรือพ่อก็มีส่วนร่วมแม้จะไม่ได้หมายถึงนมจากเต้าผู้ชายแต่หมายถึงการหยิบจับ สัมผัส ให้กำลังใจแม่กับลูกที่กำลังให้นมอยู่ก็นับเป็นการสร้างความอบอุ่นความผูกพันที่ดีงามในครอบครัวอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะขณะที่แม่ให้นมลูกด้วยการดูดจากเต้า

ภาพการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นสิ่งคุ้นชินของหญิงไทยกับการเลี้ยงลูกมาตั้งแต่สมัยก่อนแต่ภาพของพ่อจะมีส่วนเกื้อกูลอย่างเป็นรูปธรรมด้วยตรงนี้ไม่ค่อยปรากฏ

แต่ว่ากันว่าปัจจุบันเทรนจะเปลี่ยนไปเพราะผู้ชายก็สามารถมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกได้.และผู้ชายก็กำลังให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เคียงคู่ไปกับคุณแม่เพิ่มขึ้น

สังเกตได้จากที่มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมเดินรณรงค์สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่”คุณพ่อขอมา..(ให้นมลูกเอง)” เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ซอยละลายทรัพย์สีลม เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลกระหว่างวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี

ปีนี้ เน้นเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้วยังให้ความสำคัญกับการเชิญชวนคุณพ่อเข้าร่วมช่วยเลี้ยงลูกอีกแรง ปรากฏว่ามีคุณพ่อทั้งมือเก่ามือใหม่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

กิจกรรมในวันดังกล่าวมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯเน้นรณรงค์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ระดมคน

กว่า 15คน ร่วมเดินรณรงค์สนับสนุนให้คุณแม่มือใหม่หันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น พร้อมแจกเข็มกลัด รวมพลังคุณพ่อขอมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งงานนี้ยังมีตัวแทนคุณพ่อมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างนายธีรพงศ์ผลวิวัฒน์ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว และดีเจเตย-นางวินรัตน์ ศันสนะเกียรติคุณแม่และดีเจชื่อดังจากคลื่น Get 102.5 Mhz. ร่วมเป็นแกนนำพ่อแม่อาสาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมทั้งมี พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิชเลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับคุณค่าของน้ำนมแม่อีกด้วย

นายธีรพงษ์ ผลวิวัฒน์ ในฐานะคุณพ่อที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ บอกว่า ปัจจุบันมีลูก 2 คน ลูกสาวคนโตอายุ 13 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 8 ขวบ ในช่วงที่ภรรยาคลอดลูกคนแรก ตนได้ลาออกจากงานพร้อมภรรยาโดยมีเงินเก็บออมอยู่บ้าง เพื่อมาเลี้ยงลูกเพราะลูกจำเป็นต้องได้รับความอบอุ่น และไม่อยากให้ภรรยาต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แต่ปัญหา คือ ช่วงมีลูกคนแรกยังไม่รู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ขณะที่ภรรยามีน้ำนมออกมาน้อยทำให้เลี้ยงด้วยนมแม่ได้แค่2เดือน เมื่อมีลูกคนที่สอง เริ่มมีความรู้มากขึ้นประกอบกับเพื่อนของภรรยาทำงานที่ศูนย์นมแม่ฯจึงได้รับคำปรึกษาจนมีความรู้ในการรีดนมแม่และวิธีการเพิ่มน้ำนม ซึ่งช่วงแรกยอมรับว่าท้อใจแต่หลังจากนั้นพอได้รับความรู้ ก็รู้วิธีในการเพิ่มน้ำนมแม่มากขึ้น จนสามารถเลี้ยงด้วยนมแม่ถึงอายุ 1ขวบครึ่ง

นายธีรพงษ์กล่าวอีกว่า สมัยก่อนผู้ชายมักคิดว่าการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของผู้หญิง แต่ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องช่วยกันสองคน การที่ผู้ชายมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูก นอกจากจะช่วยให้ใกล้ชิดกับลูกแล้ว ยังทำให้แม่มีสุขภาพจิตดี และมีน้ำนมมาเลี้ยงลูกมาขึ้นยอมรับว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย หากภรรยาต้องเลี้ยงคนเดียว เพราะต้องเหนื่อยทั้งกาย ใจตนจึงอยากแบ่งเบาภาระ ช่วยทุกอย่าง

นางวินรัตน์ ศันสนะเกียรติ กล่าวว่า ตนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนถึงอายุกว่า 7 เดือนและสามีก็คอยช่วยเลี้ยงลูกมาโดยตลอด ซึ่งระหว่างที่ตนให้นมลูกสามีจะมาคอยจับมือให้กำลังใจ มีความสุขอบอุ่นมาก

ด้านพญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ย้ำคุณค่าของน้ำนมแม่ ว่า น้ำนมแม่ มีสารไขมันและสารอาหาร ช่วยให้เส้นใยสมองของลูกแข็งแรงเด็กที่กินนมแม่ มักไม่ป่วยบ่อย ไม่ค่อยเป็นโรคภูมิแพ้ ที่สำคัญไม่มีนมใดๆ มาทดแทนหรือสร้างความรู้สึกที่ดีให้ลูกได้มากเท่ากับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงควรให้ลูกได้รับนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6เดือน และให้นมแม่ร่วมกับอาหารอื่นตามวัยจนถึงอายุ2ขวบซึ่งจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองที่ดี มีแนวโน้มที่เด็กจะฉลาดมากกว่าเด็กที่กินนม

ไม่ต้องมีบทสรุปอะไรแล้วว่าเมื่อคุณพ่อขอแจมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยคน อนาคตครอบครัวจะสุขสมแค่ไหน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

Shares:
QR Code :
QR Code