‘คาร์ฟรีเดย์’ ปลอดรถ ลดโลกร้อน

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ

หนึ่งในปัญหาที่ถือเป็นประเด็นร้อน ถูกพูดถึง และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นั่นคือ  การถกถามถึงความเหมาะสมของแนวคิดและมาตรการแก้ไขปัญหารถติด ในกรุงเทพมหานครที่นับวันกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากปริมาณรถยนต์ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ แนวความคิด การจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด  (Congestion Charge) หรือแม้กระทั่งการกำหนดให้รถยนต์วิ่งในวันคู่และ วันคี่ตามเลขทะเบียน ได้มีการนำกลับมา กล่าวถึงอีกครั้ง แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า การแก้ปัญหาการจราจรในเขตเมืองอย่างยั่งยืนนั้น วิธีการที่เหมาะสมและ มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ การเปลี่ยนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเป็น "การใช้ระบบขนส่งมวลชนและการสัญจรเบา"แต่ด้วยความไม่สมบูรณ์ของระบบขนส่งสาธารณะในปัจจุบันทำให้เกิดความ ไม่สะดวกในการปฏิบัติจริง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้ไม่อาจเป็นข้อขัดขวางให้เกิดพลังสร้างสรรค์ของกลุ่มคนที่พยายามร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ จึงเป็นที่มาของงาน  "Bangkok Car Free Day 2016" ซึ่งปีนี้เป็นการจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 16 ภายใต้แนวคิด "อัศจรรย์ เดือนละวัน วันปลอดภัย รอบเกาะรัตนโกสินทร์"  ณ บริเวณท้องสนามหลวง

อมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบัน กทม.  มียอดรถ 8 ล้านคัน หรือ เฉลี่ย 1 คน  มีรถ 1.5 คัน ขณะที่ท้องถนนใน กทม. สามารถรองรับรถได้เพียง 1.5 ล้านคันเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลได้จัดให้ปัญหาการจราจรเป็นวาระที่ต้องเร่งแก้ไข

"กทม.มีแนวคิดให้เกาะรัตนโกสินทร์ปลอดรถยนต์อย่างน้อยเดือนละ 1 วัน  เพื่อพัฒนาให้ กทม.เป็นมหานครแห่งการขนส่งอย่างยั่งยืน อาทิ พัฒนาเส้นทางจักรยานระยะทาง 8 กิโลเมตร ทดลองระบบขนส่งเสริม ได้แก่ รถบริการขนาดเล็ก รับส่งผู้โดยสารรอบเกาะรัตนโกสินทร์ รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางโดยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล" รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

ขณะที่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ร่วมเสริมถึงความพยายามที่จะ รณรงค์ให้มีการใช้จักรยานโดยหลายภาคส่วนเป็นเวลานานแล้วนั้น โจทย์สำคัญ  คือ เพื่อนำเอาจักรยานสามารถมาปรับใช้ ในชีวิตประจำวันให้ได้ ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ ออกกำลังกาย แต่จักรยานจะต้องเข้ามา อยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน

"สำหรับการสนับสนุนการใช้จักรยานให้มากขึ้น โดย สสส. นั้น เราได้ทำการ หนุนเสริมใน 3 ส่วน คือส่วนแรก เราจะขับเคลื่อนสังคมโดยการสร้างความเข้าใจ ผ่านการสื่อสารตามช่องทางต่างๆ ให้รู้ถึง ข้อดีของการใช้จักรยาน ส่วนที่สอง  เน้นการศึกษาวิจัย ซึ่งปัจจุบันก็มีงานวิจัย ออกมายืนยันถึงประโยชน์ของจักรยานมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพและช่วย แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

และส่วนที่สาม นโยบายจากภาครัฐ โดยเฉพาะกฎหมายที่ส่งเสริมการใช้จักรยาน เช่น การมีเลนจักรยาน  การออกใบขับขี่จักรยาน ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้ เชื่อว่าประชาชนจะหันมาใช้จักรยานกันมากขึ้น" ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าว

ด้านผู้เข้าร่วมกิจกรรม พ.ท.ธนชาต วัฒนานุกิจ กล่าวว่า จักรยานเป็นพาหนะ ที่ดีมาก เพราะไม่ได้มีเครื่องยนต์มาเกี่ยวข้อง จึงไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ซึ่งถ้า ทุกคนหันมาใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ให้มากขึ้น เชื่อว่าปัญหาการจราจร ใน กทม. จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ขณะที่ ทัศนีย์ ประสิทธิ์ส่งเสริม หนึ่งในผู้ร่วมงาน เล่าว่า มาร่วมงานวัน "car free day" เป็นครั้งแรก เพราะเห็นว่ามีความสำคัญกับสังคมไทย  โดยเฉพาะการช่วยกันลดปัญหาโลกร้อน ซึ่งจักรยานสามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้

นอกจากนี้จักรยานยังสามารถไปกับเราได้ทุกที่ ทั้งการไปทำงาน ไปซื้อของในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ส่วนคนที่ยัง ไม่คุ้นเคยกับการใช้จักรยาน ก็อาจลองสลับ ใช้กับรถยนต์ตามความเหมาะสมได้สอดคล้องกับ ด.ช.วรนน พงษ์สยามหรือ "น้องมิว" ลูกชายวัย 11 ปี เสริมว่า อยากให้ออกมาปั่นจักรยานด้วยกัน เพราะยิ่งปั่นเป็นกลุ่มก็จะยิ่งสนุก แถมได้ออกกำลังกายด้วย และถ้าโตกว่านี้ ก็จะพยายามใช้จักรยานในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การเดินทางแบบเดิมๆ และหันมาใช้ "ระบบขนส่งมวลชนและการสัญจรเบา" ให้มากขึ้น จะยังคงเป็นแนวทางที่ช่วยให้เมืองของเรา ก้าวสู่การเป็นมหานครแห่งการเดินทางได้อย่างยั่งยืน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม

"กทม.มีแนวคิดให้เกาะรัตนโกสินทร์ปลอดรถยนต์ อย่างน้อยเดือนละ 1 วัน"