คาดไทยป่วยจากบุหรี่ 1 ล้านคน
ที่มา : เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
"เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่" เผย WHO วิเคราะห์สัดส่วนคนไทยตายจากบุหรี่ 1 คน จะมีคนป่วยด้วยโรคร้ายแรงจากบุหรี่อีก 20 คน ชี้ไทยตายปีละ 5 หมื่นกว่าคน มีคนป่วยด้วยโรคเรื้อรังจากบุหรี่อีกมากถึง 1 ล้านกว่าคน ทำค่ารักษาบานเป็นภาระต่อครอบครัวและงบประมาณ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไมสูบบุหรี่ กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกพบว่า ในคนไทยทุกหนึ่งคนที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ จะมีผู้สูบบุหรี่ไทยที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงจากการสูบบุหรี่ที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 คน เทียบกับกรณีของสหรัฐอเมริกาที่สัดส่วนเดียวกันเท่ากับ 1 ต่อ 30 คนเนื่องจากประชากรวัยสูบบุหรี่ของอเมริกา มีอายุมากกว่าและอายุยืนกว่าผู้สูบบุหรี่ไทย และจากข้อมูลการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 5 หมื่นคนเศษ ทำให้ประมาณการได้ว่ามีคนไทยอย่างน้อยหนึ่งล้านคนที่ยังมีชีวิตอยู่และป่วยหรือพิการ ด้วยโรคเรื้อรังร้ายแรงจากการสูบบุหรี่ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคถุงลมปอดพอง และโรคเรื้อรังอื่นๆ
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่หนึ่งล้านคนนี้ ล้วนเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดและค่ารักษาพยาบาลแพง โดยเฉพาะผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ที่อาการหนัก 5 หมื่นกว่ารายที่เสียชีวิตในแต่ละปี โดยเฉลี่ยจะป่วยหนักจนสูญเสียคุณภาพชีวิตคนละสองปี ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้นอกจากตัวเองจะทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย เป็นภาระต่อครอบครัวผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการเพิ่มภาระต่อการบริการของโรงพยาบาล และสร้างภาระต่องบประมาณด้านสาธารณสุขให้แก่รัฐบาลเนื่องจากผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนต้องใช้บริการสามสิบบาทรักษาทุกโรคหรือไม่ก็สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งงบรักษาพยาบาลที่เกิดจากการักษาผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่แนวโน้มจะยังเพิ่มขึ้นทุกปี จากประชากรวัยสูบุหรี่ที่อายุเพิ่มขึ้นและองค์การอนามัยโลก จัดประเทศไทยอยู่ใอันดับที่ 1 ของประเทศที่มีภาระการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่
"จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ล่าสุดยังอยู่ที่ 11 ล้านคน ชายไทยยังสูบบุหรี่ร้อยละ 40 ซึ่งสูงกว่าอัตราการสูบบุหรี่เฉลี่ยของชายทั่วโลกที่เท่ากับ 34.6% ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันเร่งรัดการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการควบคุมยาสูบของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อลดการสูบบุหรี่โดยเฉพาะในคนที่ยากจน ซึ่งนอกจากจะลดจำนวนผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการลดปัญหาความยากจน และภาระงบประมาณการ รักษาพยาบาลของประเทศด้วย" ศ.นพ.ประกิต กล่าว