ความเท่าเทียม
ที่มา : หนังสือต้นทุนชีวิตเด็กและเยาวชนไทย โดยแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แมนเกิดมาพิการ ขาไม่มีแรงทั้ง 2 ข้าง ทำให้เดินไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นมาตลอด แมนเติบโตมาอย่างทุลักทุเล แต่ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นทำให้แมนเรียนจบปริญญาตรีแถมยังโชคดีได้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ตลอดระยะเวลาที่แมนใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายปี สิ่งหนึ่งที่แมนประใจมาก คือการที่สังคมอเมริกันให้ความสำคัญแก่ผู้พิการ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จะทำอะไรก็สะดวกสบายไม่ลำบาก ทั้งการขึ้นรถโดยสาร ใช้บริการสาธารณะ การข้ามถนน ใช้ห้องน้ำ ลงรถไฟใต้ดิน แม้แต่การเล่นกีฬาหรือเรียนหนังสือ แมนมีความสุขและรู้สึกดีมาก แทบไม่เคยเกิดความรู้สึกต่ำต้อยใดๆ เลย แต่พอแมนเรียนจบกลับมาหางานทำที่ประเทศไทย แมนกลับไม่สามารถหางานทำได้ แถมเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละทีก็แสนจะลำบาก ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ ความปลอดภัย เรื่องที่ผู้คนแก่งแย่งไม่สนใจจะเอื้อเฟื้อผู้พิการ บางครั้งยังทำราวกับว่ามองไม่เห็นแมนอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ แมนรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ประเทศไทยยังไม่สามารถสร้างระบบความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ได้เลย
ผู้ใหญ่รู้ไหม…
เด็กก็เปรียบเสมือนผ้าขาว หากได้รับการเลี้ยงดูโดยปลูกฝังให้เข้าใจถึงคุณค่าของคนทุกคน โดยไม่มีการเปรียบเทียบ หรือดูถูกเหยียดหยาม เด็กก็จะเติบโตเป็นคนที่เข้าใจในความแตกต่าง ไม่ได้มองเพียงความด้อยหรือความเด่น แต่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้คุณค่าที่มีอยู่ในตัวตนคนทุกคน การเลี้ยงดูจากครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญมากต่อการหล่อหลอมทัศนคติที่เด็กจะมีต่อผู้อื่น
การเรียนรู้เรื่องความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่เด็กควรได้เรียนรู้ โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย เพราะจะทำให้เด็กเป็นคนใจกว้างที่ไม่ดูถูกผู้อื่น และสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข
ตัวอย่างความแตกต่างในสังคมที่เห็นได้ชัด
ความแตกต่างทางเพศ : ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงผู้ชาย ผู้หญิง แต่ยังมีเพศที่สามเป็นเพศทางเลือกเพิ่มขึ้น
ความแตกต่างเรื่องวัย : มีเด็กปฐมวัย เด็กวัยเรียน เด็กวัยรุ่น มีพี่มีน้อง ที่อาจจะมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน
ความแตกต่างทางสังคมเศรษฐกิจ : มีเด็กในสภาวะยากลำบากต่างๆ เด็กกลุ่มพิเศษ หรือผู้พิการประเภทต่างๆ เด็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคภัยไข้เจ็บ เด็กไร้สัญชาติ เด็กกำพร้า เด็กในสถานพินิจ เป็นต้น
เพิ่มต้นทุน…คุณทำได้
1. สอนลูกให้เป็นคนเคารพในสิทธิของผู้อื่น และให้เกียรติแก่ทุกคน
2. ให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับเด็กๆ กลุ่มที่แตกต่างเพื่อสัมผัสและเรียนรู้ในมิตรภาพบนความแตกต่างอย่างเท่าเทียม
3. ชักชวนเด็กๆ ให้รู้จักแบ่งปันสิ่งของแก่เด็กๆ ด้วยกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยเรื่องการให้และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
4. ไม่เปรียบเทียบลูกกับเด็กอื่นๆ หรือพูดแต่เรื่องข้อดี ข้อด้อย ความแตกต่าง
5. จัดกิจกรรมกลุ่มที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่มีความแตกต่างหลากหลายมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกัน เช่น เด็กพิการ เด็กเร่ร่อน เด็กที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ เด็กกำพร้า เด็กในระบบ หรือเด็กนอกระบบการศึกษา เป็นต้น
6. เรียนรู้ ทำความเข้าใจเรื่องสิทธิเด็ก โดยอาจหาโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนในครอบครัว ในชุมชน หรืออาจหยิบยกบางประเด็นทีสำคัญๆ มาทำกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น