ความหวังของเกษตรกรไทย
พันธสัญญารูปแบบ (win-win) ทำได้จริงหรือ?
ปัญหาที่เกิดกับเกษตรกรจากการทำเกษตรพันธสัญญา พบว่าในด้านคุณภาพการบริการที่บริษัทให้กับเกษตรกรมีคุณภาพต่ำ การตั้งราคาค่าบริการที่สูงเกินไป การถ่ายทอดความเสี่ยงทางด้านราคาให้กับเกษตรกร วิธีการตั้งราคาที่ซับซ้อน การรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การตรวจรับผลผลิตที่ไม่โปร่งใส การจ่ายเงินช้า การผูกสัญญาของผลผลิตหลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน การโกงบัญชีของบริษัท
ถ้าบริษัทไม่ให้เกษตรกรผลิตอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรก็จะมีรายได้ไม่สม่ำเสมอตลอดปีและไม่สามารถชำระหนี้สถาบันการเงินที่กู้เงินมาได้ โดยเฉพาะคุณภาพของสัตว์หรือวัตถุดิบเมื่อนำเข้าฟอร์มบริษัทและเกษตรกรอาจไม่ได้ทำความตกลงเบื้องต้น ด้านคุณภาพวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตอื่นๆ ไว้อย่างชัดเจน (ในกรณีของปศุสัตว์ ได้แก่ พันธุ์สัตว์และอาหารสัตว์ ส่วนกรณีของพืช ได้แก่ เมล็ดพืช ปุ๋ย สารเคมีกำจัดวัชพืชและตร์พืช)
คุณภาพของปัจจัยการผลิตที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืชและสัตว์ และรายได้ของเกษตรกร เช่น บางบริษัทอาจนำสัตว์จากอีกที่หนึ่งซึ่งต้องเดินทางมาเป็นระยะทางไกล ในกรณีของไก่ไข่ การนำไก่รุ่นที่มีอายุยังไม่ครบไข่มาให้เกษตรกรเลี้ยงก็จะทำให้เกษตรกรต้องรับภาระค่าอาหารไก่โดยที่ไม่มีรายได้จากการขายไข่หรือการนำลูกสุกรที่ยังไม่พร้อมหย่านมอายุต่ำกว่า 19 วันเข้าคอกขุน ก็จะทำให้สุกรอ่อนแอได้
นอกจากนี้ บางบริษัทที่มีการขายลูกสัตว์ให้กับลูกค้าภายนอกอื่นๆ นอกจากเกษตรกร แล้วจึงส่งลูกสัตว์ที่เหลือให้กับเกษตรกรซึ่งอาจเป็นลูกสัตว์ที่มีคุณภาพต่ำกว่า ในบางกรณีบริษัทอาจมีนโยบายลดต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ซึ่งอาหารที่มีคุณภาพไม่สูงส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ และรายได้เกษตรกรเช่นกัน ในกรณีของพืชการให้เมล็ดพันธุ์ที่มีอัตราการงอกต่ำ หรือปุ๋ยที่มีคุณภาพต่ำ จะทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตต่ำตามไปด้วย
รวมถึงหน้าที่ระหว่างการเลี้ยงบางบริษัทมีจำนวนสัตว์อนุบาลน้อย ทำให้ดูแลเกษตรกรไม่ทั่วถึง บางครั้งไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้ทันเวลาโดยเฉพาะในเกษตรกรรายใหม่ที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาในการเลี้ยงได้ดี เกษตรกรจึงต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการขาดทุน หรือ หากบริษัทไม่สามารถให้บริการด้านยาสัตว์ได้ทันเวลาอัตราการตายของสัตว์ก็จะเพิ่มสูงขึ้น
บริษัทไม่จับสัตว์ตามเวลาที่กำหนด เช่น เมื่อไก่มีอายุเกิน 60 วันแล้วจะกินอาหารมากแต่แลกเป็นเนื้อได้ต่ำ ทำให้รายได้ของเกษตรกรที่เลี้ยงไก่มีลดลง เพราะถ้าค่าอาหารสูงกว่าน้ำหนักที่เพิ่มเกษตรกรจะต้องรับภาระขาดทุนจากราคา ยังพบความเสี่ยงจากการขายการรับซื้อผลิตผลที่บริษัทระบุสถานที่การรับซื้อ เป็น “ที่โรงงานหรือบริษัท” แต่ไม่ได้ระบุความรับผิดชอบระหว่างขนส่ง เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นระหว่างขนส่งเกษตรกรก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ กระบวนการรับซื้อที่เกษตรกรไม่มีส่วนรับรู้ด้วย เกิดการรับซื้อที่ไม่โปร่งใส เพราะเกษตรกรไม่ทราบปริมาณและคุณภาพของผลผลิตที่ตนควรจะได้รับเมื่อผลผลิตออกจากฟาร์มหรือไร่ จากปัญหาด้านภาวะการแข่งขันทำให้บริษัทไม่ให้เกษตรกรครอบครองสู่สัญญา และการคำนวณเงิน รายได้ต่างๆ ส่งผลทำให้เกษตรกรไม่สามารถคำนวณรายได้ของตนได้ชัดเจน เพราะการแข่งขันและโครงสร้างตลาด
สังเกตได้ว่าหากพื้นที่ใดมีโครงสร้างตลาดแบบผูกขาด มีผู้รับซื้อเพียงน้อยรายในท้องถิ่นก็จะทำให้การดูแลเกษตรกรและสิทธิที่เกษตรกรพึงได้ จะอยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสที่บริษัทจะบอกเลิกการทำธุรกิจร่วมกันก่อนที่เกษตรกรจะคุ้มทุนที่ลงทุนไปกับสินทรัพย์ถาวร (เช่น โรงเรือนและอุปกรณ์อาจทำให้เกษตรกรไม่สามารถผ่อนชำระค่าโรงเรือนและอุปกรณ์ให้แก่สถาบันการเงินได้
แนวคิดของ Singh (2005) รูปแบบ win – win
สนับสนุนให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เพื่อต่อรองให้เกิดความเป็นธรรมต่อคู่สัญญาทั้งสอง สัญญาต้องถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานประจำท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยจะต้องเปรียบเทียบกับสัญญาอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันอยู่เสมอเพื่อปรับปรุงสัญญาให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในสัญญาควรระบุอย่างชัดเจนถึงผู้ซื้อ พื้นที่เก็บเกี่ยว ปริมาณเกี่ยวที่จะทำการซื้อขาย ระยะเวลาของสัญญา ชนิดและคุณภาพของผลผลิต ข้อพึงปฏิบัติเมื่อไม่เป็นไปตามสัญญา วิธีการขนส่งและจุดที่ขนส่ง ราคาและวิธีการจ่ายเงินชดเชยเมื่อเกิดความเสียหายแก่เกษตรกร
การแก้ไขกรณีพิพาท ระบุส่วนอื่นๆ ที่สำคัญในการผลิต เช่น ข้อควรปฏิบัติในฟาร์ม รวมถึงคุณลักษณะของปัจจัยการผลิต การประกันภัยให้กับพืชผลที่เสียหายและสินทรัพย์ของเกษตรกร การให้บริการการควบคุมผลผลิต ผู้ที่มีส่วนร่วมในการติดตามสัญญา หรือเมื่อเกษตรกรขายผลผลิตที่ไม่ผ่านมาตรฐาน (ที่ระบุไว้ในสัญญา) ให้กับผู้อื่นเกษตรกรต้องจ่ายเงินค่าปัจจัยการผลิตคืนให้กับบริษัท และถ้าบริษัทไม่สามารถรับซื้อผลผลิตได้ตามสัญญา เกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปขายที่ดื่นได้ โดยบริษัทจะต้องจ่ายเงินส่วนต่างของราคาที่ขายได้กับราคาตามสัญญาให้กับเกษตรกรตามช่วงเวลาที่กำหนด
สินค้าที่อยู่ในระหว่างขนส่ง ควรอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท/ผู้ขนส่ง ไม่ให้เกษตรกร เกษตรกรและบริษัทควรร่วมกันรับผิดชอบค่าประกันภัยอย่างเป็นธรรม ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติที่เหนือความคาดหมายทั้งบริษัทและเกษตรกรต้องรับผิดชอบร่วมกัน บริษัทควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการติดต่อกับตัวแทนเกษตรกร และบริษัทต้องลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริษัทจะต้องนำส่งสำเนาของสัญญา การเลิกสัญญา การละเมิดสัญญาให้กับเจ้าหน้าที่ในเวลาที่กำหนด เมื่อเกิดกรณีพิพาทก็จะต้องแก้ไขทันทีตามช่วงเวลาที่กำหนด
ภาครัฐควรกำหนดกฎหมายของพันธสัญญา โดยกฎหมายจะต้องระบุหน้าที่ของทั้งเกษตรกรและบริษัทให้ชัดเจน และต้องระบุข้อห้ามการกระทำ เช่น ห้ามมิให้บริษัทไม่รับผลผลิตที่ผลิตภายใต้สัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันควรตามระบุไว้ในสัญญา ห้ามจ่ายเงินข้ามากกว่าวันที่ระบุในสัญญา ห้ามบังคับให้มีการซื้อปัจจัยการผลิตของบริษัท เกษตรกรสามารถซื้อสินค้าชนิดเดียวกันมีคุณสมบัติเหมือนกับที่อื่นๆ ที่มีราคาถูกกว่าได้ ห้ามมิให้มีการเก็บเงินเกษตรกรล่วงหน้าสำหรับปัจจัยการผลิตที่มาจากบริษัท
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
Update 13-08-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก
อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่