ความสุข”พลิก”ได้ แค่เริ่มเปลี่ยนมุมมอง

ภายใต้ความวุ่นวายของสังคม

 

          ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคม โดยเฉพาะประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งเกิดปัญหามากมายหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมถึง การใช้ชีวิตที่เน้นความรวดเร็วขึ้น จนส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจ

ความสุข”พลิก”ได้ แค่เริ่มเปลี่ยนมุมมอง 

          หลายต่อหลายคน โดยเฉพาะคนเมือง เลือกที่จะออกไปนอกเมืองเพื่อสัมผัสกับความสงบของธรรมชาติบ้างในบางครั้ง บ้างก็เลือกจะเข้าศาสนสถาน เพื่อค้นหาความสงบให้จิตใจ หรือหากิจกรรม งานอดิเรก เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

 

          สานจิตรเสวนา

 

          กิจกรรมหรืองานอดิเรก ซึ่งมีมากมายนั้น มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ที่ช่วยสร้างความสงบ พัฒนาจิตใจ อย่างเช่น กิจกรรม ซึ่งจัดในงานประชุมวิชาการ “สานจิตรเสวนา” ในหัวข้อ “มีปัญญารักษา  ทุก(ข์)โรค” ที่จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรม การการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) และภาคีเครือข่าย

 

          กิจกรรมดังกล่าวมีทั้งโยคะบำบัดจากสถาบันโยคะวิชาการ, พิธีชงชา เพื่อสัมผัสความสุขและความผ่อนคลายในวิถีของหมู่บ้านพลัม และการจัดดอกไม้ โดยมูลนิธิ mokichi okada association (moa) ซึ่งมีการสาธิตในลักษณะเวิร์กช็อป นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการจากภาคีเครือข่ายอื่นๆ อีก

 

          ภายในงานนี้ ยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาวะทางปัญญาอีกด้วย โดย ศ.น.พ.ประเวศ วะสี ได้ปาฐกถาในหัวข้อ “ชาติวิกฤต พลิกจิตถ้วนหน้า” ซึ่งได้ยกเรื่องการ “พลิกจิต” หรือการเปิดใจให้กว้าง เห็นแก่ส่วนรวม มาใช้ในการแก้ไขวิกฤตของประเทศไทย

 

          “พลิกจิต” หมายถึง ทำได้ทันทีทันใด ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคำกล่าวในพระไตรปิฎกที่ว่า “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระโคดมแจ่มแจ้งนัก เหมือนหงายของที่คว่ำ”

 

          ทุกวันนี้ จิตของคนแคบลงเรื่อยๆ เป็นต้นเหตุของวิกฤตการณ์ของมนุษย์ จึงต้องพลิกจิตจากคว่ำเป็นหงาย ซึ่งจิตหงายมีลักษณะเปิดกว้าง เชื่อมโยง เห็นกว้าง คิดกว้าง เห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งคนทั้งหมดควรทำเพื่อจิตสำนึกใหม่ และเมื่อปฏิวัติจิตถ้วนหน้า ก็จะนำพาไปสู่สังคมสงบเย็น” ศ.น.พ.ประเวศ กล่าว

 

          สู่สุขภาวะทางปัญญา

 

          นอกจากนั้นยังมีการเสวนาในหัวข้อ “ออกเดินทางสู่สุขภาวะทางปัญญา” ดำเนินรายการโดย น.พ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมี ผู้จัดการแผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ สสส.

 

          กรรณิการ์ ธรรมเกษร ที่ปรึกษาสถาบันการพูด good talk เล่าถึงประสบการณ์การปฏิบัติธรรมว่า ตอนที่ได้รับใบเหลืองจากการเลือกตั้ง ส.ส. จิตตกมาก จุดธูปแช่งคนที่ทำเรา แต่ตอนหลังได้คิดและอโหสิกรรมให้ทั้งหมด เมื่อได้มาปฏิบัติธรรมช่วงปี 2545 กับคุณแม่สิริ (คุณแม่สิริ กรินชัย ธรรมาจารย์ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์)

 

          ตอนนั้นเรามีปัญหา ขึ้นไปหาคุณแม่สิริ ท่านตอบมาสองคำว่า “อย่าปรุง” ตรงนี้คือหัวเลี้ยวหัวต่อว่า มีสองความคิด หนึ่งความคิดที่ปรุงแต่ง ฟุ้งตามจินตนาการ แต่อีกความคิดบอกว่า นี่เก็บมา แสดงว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง จนได้คิดว่า นี่ไงคือ ปัญญา มีเส้นระหว่าง 2 อย่างคือ ความคิด กับ ปัญญา เมื่อเอาอดีตมาคิด ทำให้ถึงเวลาวิกฤตไม่รู้ กว่าจะงอกได้ก็อายุ 63 ช้าไปหรือไม่

 

          “การพัฒนาวิธีคิด อยากให้สังคมไทยหันมาสนใจเรื่องนี้ หากจะพัฒนาคน ต้องหันมาดูเรื่องจิตวิญญาณ จิตใต้สำนึก”

 

          จากนั้น ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์และจิตตปัญญาวิถี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการแผนงานจิตเพื่อสุขภาพ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ทางด้านจิตว่า ครั้งหนึ่งที่เป็นหมุดหมาย คือหลังจากได้ฟังปาฐกถาโดย อ.ประเวศเรื่องสังคมที่ใช้ธรรมะ ฟังแล้ว เหมือนได้ค้นพบว่า นี่คือสิ่งที่เราจะไป จึงได้ไปแนะนำตัวและขอคำปรึกษา อ.ประเวศ จึงแนะว่าให้ทำวิจัยเรื่องกระบวนการเรียนรู้ด้านจิตวิญญาณ หลังจากนั้นก็ได้เจอหลายท่านที่ให้ข้อมูล ความรู้ ได้ทำวิจัย ได้ทุนจาก สกว. และเมื่อเรียนจบก็ได้มาทำงานเป็นผู้จัดการแผนงานจิตเพื่อสุขภาพ

 

          เมื่อมีทุกข์ให้รู้ว่ามีสิ่งไม่ถูกต้อง

 

          หากจะถามว่า ผมพลิกจิตตอนไหน คำตอบคือทุกวัน มีฮีโร่อยู่คนหนึ่งคือ หลวงพี่ไพศาล ท่านบอกไว้ว่า เมื่อใดมีความทุกข์ ให้รู้ว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง จากมุมมอง ภาษาของ อ.ประเวศคือ พลิกจิต เดี๋ยวนี้ ก็มองเรื่องนี้ตลอด”

 

          ส่วนเรื่องการเดินทางสู่สุขภาวะทางปัญญานั้น ดร.สรยุทธบอกว่า ชอบเรื่องนี้มาก เพราะถือว่าเรื่องราวต่างๆ คือการเดินทาง เขาเปรียบการเดินทางในชีวิตเหมือนการเล่นวิดีโอเกม ที่ระหว่างทางจะต้องเก็บสะสมของต่างๆ เพื่อให้ชนะในเกมส์ เป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราเดินทางต่อไป และการทำเรื่องต่างๆ หากเราใส่เรื่องมิติทางจิตวิญญาณเข้าไป สิ่งที่เราไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ก็จะเกิดขึ้น เช่น ช่วงเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ครอบครัวได้นั่งภาวนากันทุกวัน ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ในบ้านดีมาก

 

          “สิ่งที่เราไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ก็เกิดขึ้น เมื่อเราใส่มิติเรื่องจิตวิญญาณเข้าไป อย่างผมกับพี่ชายห่างกัน 8 ปี จำไม่ได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรกัน แต่ช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่าน ผมตั้งเป้าว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กัน มันวัดไม่ได้หรอกเรื่องตัวเลข จากไม่มีเลยเป็นมหาศาล เมื่อก่อนคุยกันไม่ถึงสามนาที เดี๋ยวนี้คุยกันเป็นชั่วโมง”

 

          ดร.สรยุทธยังได้ฝากข้อคิดไว้เกี่ยวกับการจะทำให้คนเปลี่ยนแปลงมาทำบางสิ่งบางอย่างว่า คนจะเปลี่ยนได้ช้า เมื่อเราจะไปทำให้เขาเปลี่ยน แต่จะเปลี่ยนหากได้ลอง ความจริง เขาเองก็อยากจะง่ายขึ้น อยากจะเบาขึ้น แต่ไม่อยากเปลี่ยนตามที่เราได้บอก แต่เมื่อได้เห็นของจริง ได้ชิม เขาจะอยากลอง

 

          นอกจากงานประชุมวิชาการสานจิตรเสวนาครั้งนี้แล้ว แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ สสส. ยังมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจอีกมาก เปิดเว็บไซต์ของแผนงานได้ที่ http://sph.thaissf.org

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

 

 

update:12-07-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code