ความสุขที่แท้จริงหาได้จากที่ “บ้าน”

เพียงแค่หันหน้าเข้าหากันปัญหาก็จบ

 

ความสุขที่แท้จริงหาได้จากที่ “บ้าน”

           ใกล้เข้ามาแล้ว…!!! กับเทศกาลปีใหม่ที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นเทศกาลแห่งความสุข แต่หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวในสังคมไทยได้หลงลืมสิ่งที่เรียกว่าความสุขที่แท้จริงไป เพราะ ปัจจัยหลายๆ ด้านกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มาละลายความสุขในครอบครัวให้ลดลง…

 

           ผลสำรวจความสุขมวลรวมของคนไทยเมื่อวันที่ 2-15 พฤศจิกายน 2551 โดยเอแบคโพลล์ พบว่า ความสุขมวลรวมของคนไทยลดลงต่ำสุดในรอบ 34 เดือน เกิดจากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน ส่งผลทำให้เกิดความเครียดสะสมในประชาชนเกินกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 56.9

 

           ด้วยเหตุนี้เอง!! ทำให้ปัญหาเรื่องปากท้องกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความสุขของคนในครอบครัวมากที่สุด โดยเป็นผลมาจากวิกฤตการข้าวยาก น้ำมันแพง คนในครอบครัวจึงไม่มีเวลาหันหน้าเข้าหากัน มาคุย ปรึกษาเรื่องต่างๆ ร่วมกัน เพราะต่างคนต่างมุ่งที่จะทำงานหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นดินพอกหางหมู ไม่ได้รับการแก้ไขร่วมกัน จน ความสุข ที่เคยมีจึงค่อยๆ ลางเลือนไป

 

           ประกอบกับบ้านเมืองของไทยเราในตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในภาวะที่วุ่นวาย ส่งผลให้ยาเสพติดกลับมาเป็นปัญหาอีกครั้ง เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่า ยาเสพติด เป็นมหันตภัยร้ายที่คอยกัดกร่อนประเทศไทยมาโดยตลอด เด็กและเยาวชน จึงกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ …ความเสี่ยงของปัญหายาเสพติดจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามมา เนื่องจากเด็กและเยาวชนเป็นวัยแห่งความอยากรู้อยากลองจึงถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ง่าย หากไม่มีพ่อแม่หรือคนในครอบครัวคอยแนะนำมากกว่าอื่นๆ  

 

           เมื่อปัญหาต่างๆ ถาโถมเข้ามาจนทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเข้าขั้นวิกฤต โรคเครียด และอาการซึมเศร้า จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว แต่ในช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ก็ยังคงมีทางออก!! หากมีการใส่ใจ สังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของคนในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น

 

           โดยสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกต้องดูว่าคนในครอบครัวมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการกินอาหารและการนอน โดยจากปกติกินข้าวปลาอาหารเหมือนคนทั่วไป แต่กลับมาอดอาหารทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของความอ้วน เวลากลางคืนก็ไม่หลับไม่นอน เดินไปเดินมา เหมือนคนกำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเวลาหรือไม่

 

           อันดับต่อมาคือไม่ยอมไปเรียนหรือทำงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่เคยคนเป็นมีความรับผิดชอบ และจากที่เคยเป็นคนดูแลหน้าตาร่างกายตัวเองอย่างดี แต่กลับไม่มาสนใจดูแลทำให้บุคลิกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือเปล่า

 

           ต่อมามีอาการชอบบ่นถึงอาการเจ็บป่วย ทั้งที่ไม่ได้ป่วยจริงๆ ชอบพูดหรือให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความตาย เริ่มมอบของสะสมหรือของที่ตัวเองรักให้คนอื่น ชอบพูดเรื่องการฆ่าตัวตาย และสุดท้ายก็จะขู่และพยายามที่จะทำร้ายตัวเอง มีการแสดงความก้าวร้าว ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเองหรือคนที่อยู่ใกล้ชิดร่วมด้วย

 

           หลังจากนั้นเริ่มแสดงออกด้วยการชอบเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใคร แม้กระทั่งคนใกล้ตัวและเพื่อน เบื่อง่าย แม้จะเป็นกิจกรรมที่เคยชอบทำ ขาดสมาธิ วันดีคืนดีก็หนีหายออกจากบ้านไป จงอย่านิ่งนอนใจ เพราะเห็นได้ชัดว่าคนใกล้ตัวของคุณกำลังเริ่มมีปัญหาด้านจิตใจอย่างรุนแรงแล้ว

 

          ทางที่ดีเพื่อให้คนในครอบครัว รัก และอยู่ร่วมกันอย่าง มีความสุข แล้วละก็ ทุกคนในครอบครัวต้องหันหน้าเข้าหากัน ร่วมแก้ไขทุกปัญหาด้วยกัน พ่อแม่ต้อง หยุด” “ห้าม ยอมรับฟังทุกเรื่องราวจากลูก ทั้งยอมรับการแสดงความคิดเห็น รับฟังทุกเรื่องราว รวมไปถึงหากิจกรรมทำร่วมกันมากขึ้น ทั้งทำงานบ้าน ช่วยกันคนละไม้ละมือ ล้างถ้วยชาม หากิจกรรมที่ผ่อนคลาย สนุกสนาน ในโอกาสพิเศษของคนในครอบครัวทำอย่างสม่ำเสมอ หาเวลาพาครอบครัวไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด การพูดจาต้องพูดแบบถนอมน้ำใจกัน พูดชื่นชมเมื่อมีคนทำในสิ่งที่ดีๆ พูดให้กำลังใจเมื่อผิดหวัง ขอโทษเมื่อทำผิดและรู้จักการขอบคุณเมื่อมีคนเอื้อเฟื้อ ยิ้มแย้มให้กันอยู่เสมอ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้

 

            …เหมือนกับคำพูดที่ว่า ความสุขไม่มีซื้อขาย อยากได้คุณต้องสร้างด้วยหัวใจของคุณเอง

            ถึงแม้ว่าจากการสำรวจที่ผ่านมาจะพบว่า ความสุข ของคนไทยจะลดลงอย่างน่าใจหายก็ตาม แต่!! ทว่าจากการสำรวจความรู้สึกของประชาชนคนไทยในช่วงสั้นๆ ของ “เอแบคโพลล์” เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2552 มีคนไทยร้อยละ 81.9 ที่ได้ชมการถ่ายทอดพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น กลายเป็น “ความสุขที่สุด” และ “ความสุขครั้งใหญ่” ในรอบ 3 ปี ของคนไทยทั้งประเทศ นับแต่วันที่ประเทศไทย ตกอยู่ในห้วงเหวแห่ง “ความขัดแย้ง” หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

 

           และยังพบว่าจากปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้คนไทยมีระดับความสุข อยู่ที่ 9.86 จากคะแนนเต็ม 10 สูงกว่าความสุขคนไทยที่สำรวจในช่วงพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ซึ่งอยู่ที่ 9.21 คะแนน

 

           แม้จะเป็นความสุขระยะสั้นๆ แต่ก็เป็นความสุขที่คนไทยต้องการและโหยหา เพื่อมาเยียวยาให้หัวใจได้สดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง

          

           …ถ้าทุกคนรู้จักวิธีอยู่ร่วมกันร่วมมือร่วมใจกัน ให้สำคัญซึ่งกันและกัน รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองแล้วละก็เชื่อได้เลยว่า ความสุขอย่างยั่งยืน จะกลับมาอีกครั้งแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : ภราดร เดชสาร Team content www.thaihealth.or.th

 

 

 

Update: 11-12-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

 

Shares:
QR Code :
QR Code