“ความรุนแรงในครอบครัว” ภัยร้ายใกล้ตัวหญิง
อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้าย
ช่วงเวลาแห่งความสุขของการ “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ใกล้เข้ามาแล้ว ทุกคนต่างคาดหวังขอให้พบเจอสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต แต่ภายใต้สิ่งดีที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น “ผู้หญิงเรา” คงต้องภาวนาให้ปีใหม่นี้ สามีอันเป็นที่รักคงไม่ดื่มฉลองจนขาดสติ เนื่องจากเหล้านั้นเปรียบเสมือนน้ำเปลี่ยนนิสัย ที่ทำให้สามีที่น่ารักของเรา กลายเป็นซาตานได้ในพริบตาเดียว นำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงลงมือทำร้ายร่างกาย หรือข่มขืนคนในครอบครัว
โดยสถานการณ์การกระทำความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสตรีย้อนหลัง 5 ปี สถิติการถูกทำร้ายในเด็กและสตรีที่มารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ จากปี พ.ศ. 2547 เด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรง มีจำนวน 6,951 เฉลี่ยการถูกทำร้าย 19 ราย/วัน ขณะที่ ปี พ.ศ. 2551 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 26,565 เฉลี่ยการถูกทำร้าย 73 ราย/วัน
นอกจากนี้ยังพบว่าตั้งแต่ พ.ศ.2547-2550 การกระทำความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยพบความรุนแรงที่เกิดต่อผู้หญิง เป็นการกระทำของคนใกล้ชิด แฟน และสามีมากกว่าคนไม่รู้จักกันหรือคนแปลกหน้าซึ่งมีจำนวนน้อยมาก จำแนกประเภทการกระทำความรุนแรงได้ดังนี้ ทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ
นางศิริกุล อิทรพาณิชย์
เกี่ยวกับเรื่องนี้นางศิริกุล อิทรพาณิชย์ หัวหน้าศูนย์ประสารงาน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว กระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป เมื่อได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนมากขึ้น อันเนื่องมาจากครอบครัวไทยไม่สามารถจัดการกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างเหมาะสม เป็นผลให้จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในลักษณะต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปีอย่างเห็นได้ชัด
จากผลการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของมูลนิธิเพื่อนหญิง พบว่าหลายกรณีของความรุนแรงต่อผู้หญิงมีปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดการกระทำความรุนแรง เป็นผลมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และการพนัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้ผู้ชายมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำร้ายภรรยา เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
สำหรับคำพูดที่ว่า “ผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน เขาไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเรา เพราะเราเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ แม้เขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็ตาม” หากใครได้ฟังคำๆ นี้คงสามารถตีความได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงเราในปัจจุบัน
เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นางพร (นามสมมติ) อายุ 36 ปี หนึ่งในสตรีผู้ถูกกระทำความรุนแรง เล่าว่า ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสามีมากว่า 2 ปี โดยร่วมกันประกอบอาชีพทำเต็นท์รถมือสอง มีพยานรักด้วยกัน 1 คน เป็นลูกสาวอายุ 3 ขวบ ความสัมพันธ์ของครอบครัวมีความสุขไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อสามีดื่มสุราและติดสารเสพติดประเภทยาไอซ์ นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม มีอาการหวาดระแวงและวิตกกังวลจากอาการประสาทหลอน นำไปสู่การทุบตีทำร้ายร่างกาย ซ้ำร้ายเธอถูกบังคับให้ใช้ยาเสพติดก่อนถูกสามีข่มขืนและยัดเยียดความผิดให้ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า “เธอมีชู้” ชีวิตครอบครัวจบลง
แม้ต่างฝ่ายต่างแยกกันอยู่แล้วก็ตาม แต่เรื่องร้ายๆ ยังไม่จบสิ้น เมื่อนางพรถูกสามีขมขู่ว่าจะทำร้ายเธออีก หากนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกผู้อื่น ทำให้เธอค้นพบว่าการนิ่งเฉยให้ถูกกระทำไม่ใช่ทางออกของปัญหา ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างมีสิทธิเท่าเทียมกัน การสู้ด้วยกำลังนั้นไม่มีประโยชน์ ต้องสู้อย่างมีสติ
เธอจึงเริ่มมองหากลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีโดยติดต่อ “มูลนิธิเพื่อนหญิง” เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องของการใช้กฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยฟ้องร้องดำเนินคดีกับสามีเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งอยู่ในระหว่างรอขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวปลายเดือนมกราคม 2553 นี้
ดังนั้น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว จึงเป็นตัวช่วยให้ผู้หญิงได้รับการปกป้องคุ้มครองการถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว โดยให้ผู้กระทำความผิดมีโอกาสกลับตัวและยับยั้งการกระทำผิดซ้ำและจะได้รับการฟื้นฟูสภาพจิต เพื่อสร้างความเข้าใจการรักษาสัมพันธภาพอันดีของครอบครัวให้ปราศจากความรุนแรง
ที่สำคัญทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการยับยั้งปัญหาความรุนแรงในครอบครัวได้ หากพบเจอเหตุการณ์การกระทำความรุนแรงในครอบครัวแจ้งศูนย์ประชาบดี โทร.1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง คงหนีไม่พ้นการดื่มฉลองความสุขด้วยเหล้า ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการกระทำความรุนแรงในครอบครัวขึ้นอีก ทางที่ดีปีใหม่นี้พวกเราทุกคนควรละเว้นอบายมุข หลีกเลี่ยงสังสรรค์ด้วยเหล้า หันมาเอาใจใส่ดูแลคู่ชีวิตมอบความรักความเข้าใจให้แก่กันใช้เหตุผลนำความคิด “ยุติความรุนแรง” เป็นของขวัญยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิง
เรื่องโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย Team content www.thaihealth.or.th
Update: 30-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย