ครูตำรวจข้างถนนชวนเยาวชนทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ห่างไกลอบายมุข
นับตั้งแต่ พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ โครงการครูตำรวจข้างถนน ยังคงเดินหน้าสานฝันให้กับเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่เมืองหลวงให้ได้สัมผัสโอกาส คุ้มครองสวัสดิภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทุกวันนี้ภาพที่ชาวชุมชน เขตบางซื่อ ได้พบเห็นแทบทุกวัน คือ ร.ต.ต.สมศักดิ์ บุญรัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ สน.บางซื่อ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ในชุมชนช่วยสอนหนังสือ ชักจูงเด็กกลุ่มเสี่ยงให้ห่างจากอบายมุขหรือยาเสพติดอย่างยาวนาน
ล่าสุด “ครูตำรวจข้างถนน” ร.ต.ต.สมศักดิ์ ซึ่งได้รับรางวัลครูสอนดี ประจำปี 2555 จาก สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดทำ “โครงการพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อโอกาสทางการคิดและอาชีพ สำหรับเด็กด้อยโอกาส เด็กเร่ร่อนและยากจน” โดยได้นำเด็กและผู้ปกครองกว่า 100 ชีวิต เข้าค่ายทำกิจกรรมร่วมกัน ที่วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
กิจกรรมในค่ายครั้งนี้นอกจากจะมีการเล่นเกมส์สร้างความสัมพันธ์ในหมู่คณะเดินทางมาร่วมกิจกรรมแล้ว ยังได้แบ่งฐานการเรียนรู้ในรูปแบบวอล์คแรลลี่ให้เยาวชนได้รับความรู้ข้อเตือนใจ 3 ฐานด้วยกัน ประกอบด้วยฐานการเรียนรู้ “ต้นไม้พูดได้” ให้เยาวชนเลือกหาสุภาษิต คำพังเพยข้อคิดเตือนสติที่เขียนอยู่ติดตามต้นไม้ภายในวัด มาเขียนเรียบเรียงและอ่านตีความหมายแบ่งปันกันในกลุ่มเพื่อนๆน้องๆที่ร่วมกิจกรรม
ฐานที่ 2 เป็นการเรียนรู้เรื่องยาเสพติดผ่านการเขียนแผนที่ใจ (mind map) ช่วยกันบอกถึงโทษภัยของยาเสพติด การสร้างเกราะคุ้มกัน รวมทั้งการหลีกเลี่ยงให้พ้นจากยาเสพติด
ส่วนฐานที่ 3 เป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เปิดจินตนาการผ่านงานศิลปะ ที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ และความคิด ซึ่งช่วยให้น้องๆหลายคนอยู่กับตัวเองอย่างมีสมาธิ
ขณะเดียวกันผู้ปกครองที่มาด้วยก็มีส่วนร่วมในการฝึกอาชีพด้านเสริมความงามโดยวิทยากรมืออาชีพ ทั้งการแต่งหน้า สักคิ้วสามมิติ การทำผม นอกจากจะได้เคล็ดลับความงามกลับไปทำเองที่บ้านแล้ว ถ้าสนใจจริงจังก็นำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ได้อีกด้วย
กิจกรรมทั้งสองวันเริ่มต้นด้วยความสนุกสนาน จบลงด้วยความสงบนิ่งมีสติ สมาธิ จากพระอาจารย์แห่งวัดเมตตาธรรมโพธิญาณ พร้อมรับข้อคิดกลับบ้านอย่างมีความสุขกันทั่วถ้วน
ด.ญ.ลัดดาภรณ์ วงษ์ทองดี หรือ น้องมิว อายุ 13 ปี บอกว่า ดีใจและสนุกที่ได้มาเข้าค่ายอบรมในครั้งนี้ ได้เพื่อนใหม่ ได้ความรู้ใหม่ๆ สอนให้เราทำตัวเป็นคนดี ซึ่งนอกจากจะตั้งใจเรียนหนังสือแล้ว ปกติช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านทุกวัน ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่
เช่นเดียวกับ น.ส.สโรชา หอมจันทร์ หรือน้องเยลลี่ อายุ 18 ปี ที่บอกว่า มาเข้าค่ายได้มิตรภาพ ได้ความรู้ในการดำเนินชีวิต เมื่อก่อนยอมรับว่าติดเกมส์ติดเพื่อนตามประสาวัยรุ่น แต่เมื่อมาร่วมกิจกรรมกับโครงการครูตำรวจข้างถนนแล้ว เราก็รู้ว่าชีวิตมันมีอะไรมากกว่านั้น นอกจากนี้ยังได้ฝึกเรื่องธรรมะช่วยขัดเกลาจิตใจ และตนตั้งใจจะทำตัวเป็นคนดีของพ่อแม่และสังคม
ด้าน นางวาสนา สีหราช แม่ของน้องมิว ชาวชุมชนลับแล อาศัยอยู่ด้านหลัง สน.บางซื่อ ซึ่งมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ 3 คน พ่อ แม่และลูก บอกว่าไปร่วมกิจกรรมค่ายกับหมวดสมศักดิ์ทุกครั้ง จนกลายเป็นแกนนำชุมชนไปแล้ว
เธอเล่าว่า แรกๆ ที่ตำรวจเข้าไปในชุมชน ชาวบ้านก็ยังไม่ค่อยเชื่อใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชาวชุมชนแออัดที่จะไม่ถูกกับตำรวจ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจแล้วชาวชุมชนก็ยอมรับ ชาวชุมชนรู้สึกดีที่มีตำรวจเข้ามาช่วยเหลือชุมชนด้วยความตั้งใจจริงและจริงใจ อย่าง ครูตำรวจข้างถนน เป็นโครงการที่ดีมากๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยเหลือเด็กแล้ว มันยังทำให้ใหญ่อย่างเราต้องหันมามองถึงความสำคัญในการดูแลลูกหลานไม่ให้เป็นภาระของสังคม ตัวผู้ปกครองเองก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างและหันมาใส่ใจกับการดูแลลูกหลานให้ดีด้วย
ตัวอย่างเห็นได้เด่นชัด คือ สามีของตัวเอง เมื่อก่อนติดสุราอย่างหนัก ทำงานหาเงินมาก็เอามากินเหล้า รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ทำให้ครอบครัวมีปัญหา ตัวเองกับสามีทะเลาะกับทุกวัน แต่หลังจากที่มีโครงการครูตำรวจข้างถนน และได้เข้าร่วมกิจกรรมออกค่าย ก็ทำให้สามีของตนได้ยั้งคิด และแก้ไขตัวเอง ทำให้ทุกวันนี้เลิกสุราอย่างเด็ดขาด ครอบครัวก็อบอุ่น ทั้งหมดนี้ชาวชุมชนต้องช่วยกันไม่ใช่แต่โยนภาระทั้งหมดให้กับครูตำรวจ
ร.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรามักเห็นเด็กด้อยโอกาส เด็กเร่ร่อน หรือกลุ่มเสี่ยง อาศัยอยู่ในชุมชนแอดอัด หรือตามสี่แยก คอยเช็ดกระจกรถ ขายพวงมาลัย เดินขอทางบ้าง สาเหตุของเด็กเหล่านี้ล้วนเกิดจากครอบครัว เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็พาลูกพาหลานตามเข้ามาด้วย แต่เพราะยุ่งกับการทำงาน ประกอบกับรายได้ไม่พอจุนเจือครอบครัวทำให้เด็กหลายๆ คนไม่ได้รับโอกาส หรือได้รับการศึกษา แม้กระทั่งการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ก็แทบจะไม่มีเวลาให้
เมื่อพ่อแม่ ไม่ได้อบรม ไม่ได้ดูแล เด็กก็ต้องการหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อชีวิตให้อยู่รอด อาจจะเก็บขยะขาย หรือลักเล็กขโมยน้อย หากเจอเพื่อนไม่ดีก็จะติดยาเสพติด ซึ่งจะติดกาวและสารระเหยเป็นส่วนใหญ่
“กิจกรรมการนำเด็กและผู้ปกครองมาร่วมทำกิจกรรมครั้งนี้ เราไม่ได้หวังอะไรมาก นอกจากจะช่วยสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว แค่ให้เขาได้ศีลห้ากลับไปเท่านั้นก็น่าจะพอใจแล้ว เพราะถ้ามีศีลห้าทุกอย่างก็จะดีตามมาเอง” ร.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าว
ครูหมวดสมศักดิ์ เล่าประสบการณ์การทำหน้าที่ครูข้างถนนว่า ต้องหาทางเปลี่ยนจากเงินตัวร้ายมาเป็นเงินที่มีคุณค่า เพื่อแก้ปัญหาเด็กติดยาเสพติด แก้ด้วยจิตใจก่อนเป็นอันดับแรก เป็นการบำบัดโดยไม่ต้องใช้เงินแต่ได้ผลดีมาแล้วหลายราย โดยการนำเงินของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ให้เด็กแต่ละวันมาให้ตำรวจชุมชน จากนั้นเมื่อเด็กมาทำกิจกรรม หรือมาทำงาน ตำรวจก็จะให้เงินที่พ่อแม่นำมาฝากไว้ เหมือนกับว่าเป็นเงินจ้าง เด็กก็คิดว่าตำรวจให้เงิน ก็จะดีใจและยอมมาเข้ามาทำงาน ซึ่งตำรวจชุมชนก็จะขัดเกลาให้เด็กจนเป็นคนดีได้ การทำแบบนี้ดีกว่าที่พ่อแม่จะให้เงินกับลูกโดยตรง ซึ่งเป็นการทำร้ายเขาโดยตรงเช่นกัน แต่เมื่อผ่านจากมือครูตำรวจ เด็กก็จะได้รู้คุณค่าของเงินและได้เรียนรู้การดำรงชีวิตที่ถูกต้องในสังคมควบคู่ไปด้วย
“เราคอยแต่กวาดล้างเป็นวิธีการที่ผิดๆ เราต้องปลูกจิตสำนึกเด็กให้รู้คุณค่าของการเวลาที่เหมาะสม คุณค่าความเป็นคน ถ้าเขารู้พิษภัย เขาก็ไม่อยากยุ่งแล้ว และปัญหาตอนนี้ คือ เด็กไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้น ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เพราะเรียนน้อย จึงขาดโอกาสในการทำงานที่ดี เพื่อเลี้ยงครอบครัวได้”ตำรวจเจ้าของรางวัลครูสอนดีปีล่าสุดกล่าว
สำหรับการลงพื้นที่ของครูตำรวจของ สน.บางซื่อ จะเข้าไปในชุมชนทุกวัน เมื่อเข้าไปแล้วก็จะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ทำร่วมกัน หรือจะช่วยสอนหนังสือ สอนการบ้าน และยังช่วยสอนทักษะการดำเนินชีวิตที่ดีงามด้วย ซึ่งเมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองกลับจากที่ทำงานมาพบว่าลูกอยู่กับตำรวจก็ทำให้อุ่นใจขึ้น
“อยากฝากถึงผู้มีความรู้หรือผู้มีจิตสาธารณะ ช่วยนำความรู้ที่มีมาช่วยกันเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้หรืออาชีพให้กับเด็กๆ ดีกว่าปล่อยให้สูญเปล่า ซึ่งในส่วนนี้เรายังต้องการผู้ใจบุญอีกจำนวนมาก” ร.ต.ต.สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
โครงการครูตำรวจข้างถนน เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2544 ตามนโยบายของ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ อดีตรอง ผบช.น. ที่ต้องการให้ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ทุกสถานีตำรวจ ได้ช่วยกันขัดเขลากลุ่มเด็กเร่รอน เด็กด้อยโอกาสในชุมชนแออัดให้เรียนรู้ถูกผิด ดำเนินชีวิตที่ดีงามและถูกต้องอันเป็นพื้นฐานของสังคมเข้มแข็งอย่างยั่งยืน แต่การทำงานเป็นครูข้างถนนของครูหมวดสมศักดิ์ ดำเนินงานเพียงลำพังมาก่อนหน้านั้น 5-6 ปีด้วยกัน
ครูตำรวจข้างถนน ถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่เข้าใจถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง มองปัญหาและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และโครงการนี้เองที่ช่วยให้เด็กด้อยโอกาส ได้มีโอกาส ได้มีที่ยืนอยู่ในสังคมอย่างสง่างาม
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)