คนไทยป่วยโรคอาหารเป็นพิษปีละ 7.4 หมื่นคน
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
กรมควบคุมโรค เฝ้าระวังสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษ เผยยอดป่วยทั้งปี 7.4 หมื่นคนแต่ไร้เสียชีวิต เฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 2 กลุ่มใน จ.สงขลา – เชียงใหม่
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-7 ส.ค. 2561 พบผู้ป่วย 74,980 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต พบมากที่สุดในกลุ่ม อายุ 15-24 ปี รองลงมาอายุ 25-34 ปี และ 45-54 ปี ส่วนใหญ่พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาคือภาคเหนือ ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้ป่วย เป็นกลุ่มก้อน 2 เหตุการณ์ ที่ จ.สงขลา โดยเกิดในเรือนจำมีผู้ป่วย 494 ราย ปัจจัยเสี่ยงที่พบคือการนำกะทิที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าหลายชั่วโมง โดยที่ไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็น มาปรุงรับประทาน และอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยพบผู้ป่วย 47 ราย หลังรับประทานเมนูหมูดิบ จากงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยจากโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มขึ้น เพราะมีวันหยุดยาว มีการพบปะญาติพี่น้องและเลี้ยงสังสรรค์ อีกทั้งในบางพื้นที่เกิดน้ำท่วม มีการอพยพคนมาอยู่รวมกัน จึงมีโอกาสที่อาหารหรือแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนว่าเลือกรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่ถูกสุขลักษณะ ในการประกอบอาหารปริมาณมาก ควรยึดหลักน้ำ วัตถุดิบ และภาชนะใส่อาหาร ต้องสะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ที่สำคัญอาหารควรปรุงสุก รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ เก็บถนอมอาหารอย่างถูกวิธี และก่อนหยิบจับอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า สำหรับอาการโรคอาหารเป็นพิษ จะคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ ในรายที่มีการถ่ายอุจจาระมากๆ ผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหมดสติได้ การช่วยเหลือเบื้องต้น ควรให้จิบสารละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส บ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่ายกายขาดน้ำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ 1422