ขับเคลื่อน รพ.อาหารปลอดภัย นำร่องทั่วประเทศ
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ขับเคลื่อนโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย เดินสายตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ สร้างความตระหนักรู้เรื่องอาหารปลอดภัยอันจะนำไปสู่สุขภาวะที่ดีของประชาชน นำร่องโรงพยาบาลรัฐสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
นายธนพล จันทรนิมิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวต้อนรับศาสตราจารย์คลินิกพิเศษ นายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมมอบนโยบายและแนวทางพัฒนาโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหาอุปสรรค จากผู้บริหารสาธารณสุขระดับเขต ระดับจังหวัด ผู้ปฏิบัติของโรงพยาบาลในเขตสุขภาพที่ 8 และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจาก 5 จังหวัดรับผิดชอบ อาทิ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และหนองบัวลำภู
นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานตามนโยบายโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยเขตสุขภาพที่ 8 และจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้อาหารมีความปลอดภัยครบวงจร มีระบบการดูแล ควบคุม และตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยอาหารทุกขั้นตอน ตลอดห่วงโซ่อาหาร (food chain) ตั้งแต่วัตถุดิบ (การเพาะปลูก เพาะเลี้ยง) การผลิต การแปรรูป การจัดจำหน่าย จนถึงผู้บริโภคอาหาร “จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร (from farm to table)” หรือ “จากฟาร์มสู่ช้อน (farm to fork)” มีมาตรฐานเท่าเทียมกับมาตรฐานสากล ซึ่งอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น การใช้มาตรการสุขอนามัย และสุขอนามัยพืช (sanitary and phytosanitary : SPS) จึงมีนโยบายให้ รพ.ทุกแห่ง เป็น “โรงพยาบาลอาหารปลอดภัย” คำนึงถึงการจัดอาหารแก่ผู้ป่วยที่พักรักษาในโรงพยาบาล ญาติผู้ป่วย รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในโรงพยาบาล ด้วยการซื้อผักและผลไม้ปลอดสารเคมี โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายในการสำรวจแหล่งซื้อแหล่งรวบรวมโรงคัดบรรจุ นำไปสู่การส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช พัฒนาเป็นเกษตรอินทรีย์ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้ของประเทศ และส่งผลดีต่อระบบสุขภาพของเกษตรกรผู้ผลิตซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย และส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักรู้เรื่องอาหารปลอดภัย อันจะนำไปสู่สุขภาวะที่ดีของประชาชนต่อไป
ศาสตราจารย์คลินิกพิเศษนายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สืบเนื่องจากปี พ.ศ.2560 เป็น “ปีแห่งการบริโภคผัก-ผลไม้ปลอดภัย” ซึ่งการบริโภคผักและผลไม้ วันละ 400 กรัม เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs: non-communicable diseases) ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ร้อยละ 31 เส้นเลือดในสมองตีบ ร้อยละ 19 ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ร้อยละ 19 มะเร็งปอด ร้อยละ 12 มะเร็งลำไส้ใหญ่ ร้อยละ 2 เป็นต้น กรมสนับสนุนบริการสุภาพ จึงรับนโยบายและส่งเสริมให้ อ.ส.ม. ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,040,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและแกนนำสุขภาพภาคประชาชนในชุมชน เป็นแบบอย่างการทำเกษตรปลอดสารเคมีปนเปื้อนตามมาตรฐาน GAP , ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการเฝ้าระวังสารปนเปื้อนในอาหารในหมู่บ้านร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะในตลาดนัดและรถเร่ขาย และเป็นแบบอย่างผู้มีพฤติกรรมสุขภาพดีในหมู่บ้าน โดยเฉพาะการบริโภคผักผลไม้ให้ได้วันละ 400 กรัมต่อคนต่อวัน ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นอกจากมีการประชุมมอบนโยบายแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วคณะประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของฝ่ายโภชนาการ และโรงครัวโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ในประเด็นการใช้วัตถุดิบปลอดภัย อาทิ ผักปลอดภัย เนื้อสัตว์ปลอดภัย ปรับเมนูอาหาร การจัดทำแผนความต้องการให้ตรงกับการผลิตของเกษตรกร ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้าง การควบคุมคุณภาพ การเปิดพื้นที่โรงพยาบาลให้เกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่าย เป็นต้น
อนึ่งในงานมีการจำหน่ายพืชผักปลอดสารพิษโดยกลุ่มเกษตรกรตลาดนัดร่มเขียว การจัดนิทรรศการอาหารปลอดภัยในโรงพยาบาล เขตบริการสุขภาพที่ 8 อาทิ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี , โรงพยาบาลบ้านดุง และโรงพยาบาลน้ำโสม , โรงพยาบาลหนองคาย ,โรงพยาบาลวานรนิวาส และ โรงพยาบาลสว่างแดนดิน โรงพยาบาลศรีบุญเรือง และโรพยาบาลนากลาง นิทรรศการอาหารวัตถุดิบปลอดภัย ใช้สินค้า Q โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี นิทรรศการอาสาสมัครสาธารณสุขวิทยาศาสตร์ชุมชน โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงดี อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี และสาธิตการทดสอบสารปนเปื้อนในอาหาร โดยศูนย์วิชาการที่เกี่ยวข้อง