ขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพ บทบาทเชิงรุกบุคลากรสาธารณสุขไทย

 

บริการสุขภาพที่เน้นด้านส่งเสริมป้องกัน ถือเป็นมาตรการสร้างเสริมสุขภาพสำคัญ 1ใน 5ประการ” เป็นคำประกาศขององค์การอนามัยโลก ที่ประกาศไว้ในกฎบัตรออตตาวา

จากข้อมูลสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข (IHPP) พบว่า ประเทศไทยมีรายจ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นเกือบ 3เท่า ภายใน 14ปี โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรักษามากกว่าสิ่งอื่นใด ทั้งที่ความจริงแล้ว ปัญหาสุขภาพหลายเรื่องแก้ไขได้ด้วยการป้องกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีนโยบายด้านการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุกในรูปแบบต่างๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการรวมพลังของภาคีเครือข่ายการสร้างเสริมสุขภาพ ในการเสวนาเรื่อง “ถอดรหัสพลังขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรสาธารณสุขไทย” เพื่อขยายแนวคิดเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพออกไปให้กว้างขวาง ในหลายๆ สาขาวิชาชีพ

ซึ่งในช่วง 10ปีที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สนับสนุนกลุ่มสถาบันการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพทั้ง 5คณะ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะสาธารณสุขศาสตร์ ทั้งในการพัฒนานโยบายและกระบวนการพัฒนานิสิต นักศึกษา และบุคลากรให้เป็นนักสร้างเสริมสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมหลักสูตรการเรียนการสอนให้คำนึงถึงกาย ใจ สังคม ปัญญา อย่างรอบด้าน

ผศ.ดร.จรินทร์  ปภังกรกิจ  ตัวแทนจากสาขาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวว่า ที่ผ่านมาสาขาทันตแพทย์ เน้นในเรื่องหัตถการเป็นสำคัญ แต่ปัญหาภายในช่องปากช่วง 10ปีที่ผ่านมา การรักษาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะเด็กเล็กเริ่มมีฟันผุตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรก การทำความเข้าใจกับนักศึกษาเพื่อให้ตระหนักถึงการส่งเสริมสุขภาพในช่องปาก จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายในการดูแลสุขภาพช่องปากคนไทยได้ การเรียนการสอนจึงเริ่มมีการทำงานด้านอาหาร เด็กเล็ก ชุมชน การสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อรักษาปัญหาที่อยู่ภายนอกช่องปากไม่ให้กระทบจนเกิดปัญหาในวงกว้างขึ้น  ซึ่งเชื่อว่าการบรรจุเนื้อหาด้านการสร้างเสริมสุขภาพไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน จะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงแนวคิดและก่อให้เกิดการลงมือทำได้อย่างแท้จริง

ผศ.ดร.ลักขณา  เติมศิริกุลชัย ตัวแทนจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า สุขภาพในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่กาย หรือ จิต แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ทั้งสังคม สิ่งแวดล้อม การสร้างทุกสิ่งให้สอดคล้องกันถึงจะทำให้เกิดสุขภาพที่ดีได้ ซึ่งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มีสาขาวิชาเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพโดยตรง เพื่อทำงานด้านสร้างเสริมสุขภาพโดยเฉพาะ เพราะเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า การรักษาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล 100%จำเป็นต้องทำงานด้านการส่งเสริมควบคู่ไปด้วยกัน

รศ.ดร.วรรณภา  ศรีธัญรัตน์  ตัวแทนจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  กล่าวว่า เนื้อหาวิชาที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพปัจจุบันแพร่หลายในสถาบันการศึกษาไม่เฉพาะแต่นักศึกษาที่เกี่ยวกับการแพทย์ สาธารณสุข แต่สิ่งที่สำคัญในการเรียนการสอนเนื้อหาด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ไม่สำคัญเท่ากับการสร้างแนวคิด ให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเกิดเป็นทัศนคติ  โดยมีการสร้างเครือข่ายภายในวิชาชีพพยาบาลเพื่อให้เกิดความตระหนักในเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

รศ.ดร.จิราพร  ลิ้มปานานนท์ ตัวแทนคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพถือเป็นจิตสำนึกที่ต้องสร้างเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยคณะเภสัชศาสตร์ ใช้การปลูกฝังด้วยการให้นักศึกษาได้ฝึกงาน เพื่อเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริงว่าการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนต้องทำอย่างไร เพื่อป้องกันจากการถูกครอบงำของธุรกิจยาที่กระตุ้นการใช้ยาโดยงบประมาณด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่วนแบ่งทางการตลาดจำนวนมหาศาลซึ่งอาจจะทำลายแนวคิดของนักศึกษาในอนาคตได้ การปลูกฝังแนวคิดให้กับนักศึกษาเพื่อตระหนักถึงความจำเป็นด้านการส่งเสริมสุขภาพจึงจำเป็นอย่างมาก

การสร้างเสริมสุขภาพเป็นแนวทางที่จะช่วยป้องกัน ก่อนจะเกิดปัญหาสุขภาพในอนาคต ซึ่งต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการไล่ตามแก้ปัญหา การสร้างทัศนคติแก่วิชาชีพทางการแพทย์ถือเป็นพื้นฐานที่จะช่วยสร้างสุขภาพของประชาชนต่อไปในอนาคต

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code