ขยะอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้นรอบ 5 ปี
คนไทยใช้มือถือกว่า 15 ล้านเครื่อง ทีวี 3.8 ล้านเครื่อง แห่ทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้ากลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ถึง 3.59 แสนตัน สธ.ชี้สารพิษทั้งจากตะกั่ว ปรอท คลอรีน แคดเมียม โบรมีน อันตรายทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ สธ. กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์มลพิษของไทย ปี 2555 พบว่า มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณ 359,070 ตัน คิดเป็นร้อยละ 50.38 ของปริมาณของเสียอันตรายชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 712,770 ตัน โดยสถิติขยะอิเล็กทรอนิกส์ในรอบ 5 ปีเพิ่มสูงขึ้น เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ และเครื่องพิมพ์/เครื่องโทรสาร และโทรศัพท์มือถือ จากข้อมูลในปี 2552 พบว่า โทรศัพท์มือถือ สูงสุดกว่า 15 ล้านเครื่อง รองลงมา ได้แก่ โทรทัศน์ มีการใช้กว่า 3.81 ล้านเครื่อง กล้องดิจิตอลและอุปกรณ์ เอ็มพี 3 แบบพกพา มีการใช้กันกว่า 3.8 ล้านเครื่อง ส่วนคอมพิวเตอร์ มีการใช้งาน 2.8 ล้านเครื่อง
"อายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ เฉลี่ย 3 ปี ทีวีจอซีอาร์ที 6.9 ปี และโทรทัศน์จอบาง 3.8 ปี คอมพ์ 3.65 ปี คาดการณ์ว่าในปี 2559 จะมีซากทีวีเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ 2.8 ล้านเครื่อง โทรศัพท์มือถือ และคอมพ์ อีกประมาณ 10.9 ล้านเครื่อง และ 2.6 ล้านเครื่อง ตามลำดับ" ปลัด สธ. กล่าว
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่มีสารอันตรายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ได้แก่ 1. ตะกั่ว ทำลายระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ ไต ระบบเลือด และการพัฒนาสมองของเด็ก ส่วนพิษเรื้อรังจะค่อยๆ แสดงอาการภายหลังการได้รับสารตะกั่ว 2. ปรอท เป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด ทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น ไม่สามารถรักษาให้ดีดังเดิมได้ 3. คลอรีนอยู่ในพลาสติกพีวีซี ก่อสารมะเร็ง เมื่อพลาสติก ถูกเผาจะส่งผลต่อระบบหายใจ ระคายจมูก และทำให้เคลือบฟันผุ 4. แคดเมียม มีพิษเฉียบพลัน ทำให้ปอดอักเสบรุนแรง ไตวาย ไตถูกทำลาย และ 5. โบรมีน เป็นสารก่อมะเร็ง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี และรูปทรงของเส้นใยกล้ามเนื้อหัวใจ
ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต