‘ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ’ ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


'ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ' ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ thaihealth


ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


          "ริ้วขบวน" เครื่องประกอบพระบรม ราชอิสริยยศอันสำคัญยิ่ง ในพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ได้รับการตกแต่ง จัดสรรให้งดงามลงตัว ผ่านการทำหน้าที่ของกำลังพลผู้ร่วม ขบวนในการอัญเชิญพระบรมอัฐิเข้าสู่ พระเมรุมาศ น้อมนำดวงใจของปวงราษฎร์เสด็จสู่สรวงสวรรค์


          ริ้วขบวนแห่พระราชพิธีพระบรมศพ อันประกอบด้วยคนหาม และคนฉุดชัก จำนวนมาก พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประกอบ พระบรมราชอิสริยยศทั้งราชรถ และ ราชยาน ปรากฎแบบแผนชัดเจนในสมัย ปลายกรุงศรีอยุธยา และจากนั้นกลาย มาเป็นธรรมเนียมสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน จวบจนถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร การจัดริ้วขบวนเครื่อง ประกอบพระบรมราชอิสริยยศได้มีการ จัดเตรียมอย่างอลังการ เพื่อให้สม พระเกียรติยศสูงสุด


          กำลังพลฉุดชักราชรถ นับเป็นหนึ่ง แรงขับเคลื่อนสำคัญในริ้วขบวนพระบรม ราชอิสริยยศ โดยกรมสรรพาวุธทหารบก รับหน้าที่ในการจัดกำลังพลเพื่อการปฏิบัติ หน้าที่ครั้งสำคัญในงานพระราชพิธีครั้งนี้  เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกกำลังพล ตั้งแต่ ชั้นสัญญาบัตร ชั้นประทวน รวมไปถึง ลูกจ้างในหน่วยงานความรับผิดชอบ โดยกำลังพลทุกนายจะต้องทำการวัด ส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ให้เป็นไปตามเกณฑ์ ที่กำหนด นั่นคือ มีความสูงระหว่าง 165-175 เซนติเมตร และมีอายุไม่เกิน 50 ปี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว เพื่อจะได้ทำหน้าที่ด้วยความพร้อมและ สมบูรณ์ที่สุด


          "งานครั้งนี้กำลังพลทุกคนเต็มใจ และสุขใจที่จะทำงานถวายพระองค์ท่าน เป็นครั้งสุดท้ายอย่างสมพระเกียรติ"  พ.ท.สวรุจน์ สุภเวชย์ ผู้บังคับกองพัน นักเรียน โรงเรียนสรรพาวุธทหารบก กรมสรรพาวุธทหารบก ผู้รับหน้าที่ควบคุม กำลังพลฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ พูดถึงความรู้สึกในการถวายงานในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วยความมุ่งมั่นและภาคภูมิใจ


          นับแต่ได้รับมอบหมายงานครั้งนี้ ได้เริ่ม การฝึกของกำลังพล ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.2560 โดยกำลังพลในพระราชพิธี มีทั้งหมด 441 นาย แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ฉุดชักราชรถนำ หรือ ราชรถน้อย และอีกอีกส่วนทำหน้าที่ฉุดชักพระมหา พิชัยราชรถ โดยท่าทางที่ต้องใช้ ท่าเบื้องต้น  ก็คือ ท่าตรง ท่าหันซ้าย หันขวา และ กลับหลังหัน ส่วนท่าทางที่ต้องใช้ใน พระราชพิธี ได้แก่ ท่าหยิบเชือก วางเชือก ท่าถวายบังคม ท่าเดิน ท่าหยุดจากการเดิน และท่าเดินประกอบเพลงพญาโศก ซึ่งทุกท่วงท่าต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องพร้อมเพรียง


          ในขณะที่บรรดากำลังพลฮึกเหิม และ มุ่งมั่นอดทนในการฝึก เพื่อถวายงาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้าย งานตัดเย็บเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายได้ดำเนินไปด้วยเช่นกัน ยอด เพ็ชร์เลิศ เจ้าของร้านสมจิตต์ ที่ได้รับ มอบหมายจากสำนักพระราชวัง ในการจัดทำ ชุดกำลังพลครั้งนี้กว่า 2,000 ชุด บอกเล่า ด้วยความภาคภูมิใจว่า ในการถวายงานครั้งนี้ ทำอย่างพิถีพิถันตั้งแต่กระบวนการเลือกผ้า ทอผ้า รวมถึงขั้นตอนการตัดเย็บ โดยคง ประเพณีตามแบบแผนดั้งเดิมให้ได้มาก ที่สุด เพราะชุดทั้งหมดเป็นเครื่องแบบทหาร สมัยโบราณที่สืบทอดมานานนับร้อยปี เครื่องแต่งกายของกำลังพลฉุดชัก ราชรถ ในพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ส่วนใหญ่จะสวมชุด ปัสตูอันประกอบด้วยเสื้อแขนกระบอก  กางเกงทรงกระบอก หมวกกลีบลำดวน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผ้าสีแดงขลิบด้วย สีเหลือง แต่ก่อนมักตัดเย็บด้วยผ้าปัสตู ที่ในปัจจุบันค่อนข้างหายาก การตัดเย็บ ครั้งนี้จึงประยุกต์เปลี่ยนมาใช้ผ้า ออกซ์ฟอร์ดแทน เพราะผ้ามีความเบา ทำให้สบายเมื่อสวมใส่


          เส้นเชือกสีแดง ที่ใช้ในการฉุดชัก ราชรถ เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความ สมบูรณ์ และสง่างามในริ้วขบวนพระบรม ราชอิสริยยศ จัดทำโดยกรมอู่ทหารเรือ แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดสำรองสำหรับ ซักซ้อม และชุดจริงสำหรับใช้จริง  วิธีการถักเป็นภูมิปัญญาของชาวเรือ มาแต่ดั้งเดิม กรรมวิธีที่ใช้ถัก เรียกว่า ถักแทง เริ่มจากการใช้เชือกเส้นรอบวง 2 นิ้ว มาทำเป็นห่วงขนาดเส้นรอบวง 120 เซนติเมตร และใช้เชือกอีกส่วน ถักแทงเข้าไปในเส้นเชือกหลัก ติดห่วงกลม ปลายเชือก เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ทำการหุ้ม ด้วยผ้าโทเลสีแดง ด้วยการเย็บสอยแบบ พันลำด้วยฝีเข็มอย่างสม่ำเสมอ ในอดีต ใช้เชือกมะนิลา ปัจจุบันใช้เชือกเปอร์ลอน  ขนาด 4 นิ้วครึ่งที่มีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ


          สำหรับเส้นทางการเคลื่อนขบวน พระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพ  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช มีทั้งสิ้น 6 ริ้วขบวน ยอดกำลังพล ที่ร่วมเดิน 6,828 คน ริ้วขบวนที่ 1  อัญเชิญ พระโกศทองใหญ่ จากพระที่นั่งดุสิต มหาปราสาท ไปยังพระมหาพิชัยราชรถ ริ้วขบวนที่ 2  อัญเชิญพระโกศทองใหญ่ ขึ้นประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถ เคลื่อนไปยังพระเมรุมาศในทิศใต้ของ ท้องสนามหลวง ริ้วขบวนที่ 3  เวียนรอบ พระเมรุมาศโดยอุตราวัตร 3 รอบ


          ริ้วขบวนที่ 4  อัญเชิญพระบรมอัฐิ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารไปยังวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม ริ้วขบวนที่ 5  อัญเชิญพระบรมโกศ พระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และริ้วขบวนที่ 6  เป็นริ้วขบวนกองทหารม้า เกียรติยศ อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปบรรจุ ณ วัดวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และ วัดบวรนิเวศวิหาร  ทุกเส้นเชือกที่ถักทอด้วยหัวใจ ทุกรายละเอียดที่ได้รับการจัดสรรไว้ใน ริ้วขบวนพระราชพิธีพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 จะเป็นดั่งตัวแทนของปวงชน ชาวไทยทุกคน เพื่อน้อมส่งพระมหากษัตริย์ ที่รักยิ่ง กลับสู่สวรรคาลัยอย่างสมพระเกียรติ  และสง่างาม

Shares:
QR Code :
QR Code