ขนมติดฉลาก ลดปัญหาภาวะเด็กอ้วน
ปัดฝุ่นโครงการขนมติดฉลาก ลดปัญหาภาวะเด็กอ้วน
นายสง่า ดามาพงศ์ นักวิชาการด้านสาธารณสุข สำนักโภชนาการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับงานวิจัย โครงการสำรวจภาวะโภชนาการและสุขภาพเด็กในภูมิภาคอาเซียน หรือ SEANUTS โดยการสนับสนุนของบริษัทฟรีสแลนด์คัมพิน่า(เนเธอร์แลนด์) ที่ระบุว่า ภาวะน้ำหนักเกินมีความชัดเจนในกลุ่มเด็กเมืองวัย 6-12 ปี มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 16.3% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่พบว่า ในเด็กอ้วนกลุ่มนี้ มีร้อยละ 30. ที่จะเป็นผู้ใหญ่อ้วนในอนาคต และในวัยรุ่นที่มีภาวะอ้วนร้อยละ80 จะเป็นผู้ใหญ่อ้วนเช่นกัน
นายสง่า กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาเด็กอ้วนในบ้านเราเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เราไม่เคยมาแก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งควรจะเริ่มจากครอบครัวที่ไม่ควรมีค่านิยมว่าเด็กอ้วนคือ เด็กที่มีสุขภาพดี ทั้งนี้การดูแลสุขภาพของเด็กควรเริ่มจากตั้งแต่อยู่ในครรภ์ คือ แม่ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ รักษาน้ำหนักไม่ให้มากเกินไป หลังจากคลอดควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และหลังจากนั้นควรฝึกเด็กให้ทานผัก ผลไม้มากกว่าขนมกรุ๊บกรอบ
"ที่ผ่านมา เคยมีงานวิจัยซึ่งพบว่าเด็กจะชอบบริโภคมันฝรั่งมากที่สุดของลงมาคือ บิสกิต และข้าวโพดอบกรอบ ซึ่งขนมเหล่านี้มีทั้งโซเดียม น้ำตาลไขมันเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตขนมต่างๆผลิตขนมดังกล่าวโดยลดส่วนผสมต่างๆที่ไม่มีประโยชน์ลง. 25% ผลปรากฏว่า. ไม่ได้รับความร่วมมือในการจัดจำหน่าย และขาดการประชา สัมพันธ์อย่างต่อเนื่องด้วย"นายสง่า กล่าว
สำหรับโครงการ "ลดเค็ม ลดพุง ลดโรค" เป็นแนวทางที่ต้องโจทย์กับปัญหาทุพโภชนาการสำหรับเด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ด้วยการปลูกฝังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และจะมีการนำเอาโครงการขนมติดฉลากขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้วยหน่วยงานราชการจะเป็นผู้สนับสนุนความรู้ด้านวิชาการ เพื่อผลักดันให้โครงการขนมติดฉลากเข้าสู่ตลาดได้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2558
ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต