กินผัก…ผลไม้ ต้าน “ไข้หวัด 2009”
และควบคู่การออกกำลังกาย
การระบาดของ “ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่” กลับมาอีกระลอก ถึงแม้ว่าผู้คนจะฝากความหวังไว้กับวัคซีนต้านไวรัสที่หลายบริษัทกำลังเร่งพัฒนาจนใกล้สำเร็จ
แต่ความหวังนั้นต้องมีอันสะดุดลง เมื่อพบว่าผู้ได้รับวัคซีน 6 คนเกิดอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ทำให้ “แกล็กโซสมิทไคลน์” บริษัทยายักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาวัคซีนต้องชะลอการใช้และเรียกคืนวัคซีนกว่า 170,000 โดส
แทนที่จะนั่งรอให้ไข้หวัด 2009 มาเล่นงานเรา เราเองก็สามารถดูแลตัวเองและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้โดยใช้โภชนาการนี่แหละ
วอลล์สตรีต เจอร์นัล ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการค้นพบว่า สารอาหารสามารถต้านทานโรค ไข้หวัดได้ โดยสารอาหารต่าง ๆ ทั้งวิตามินเอ ซึ่งพบในผักและผลไม้หลากหลาย รวมถึงสังกะสีซึ่งอยู่ในอาหารทะเล ถั่ว และเมล็ดธัญพืช จะช่วยเสริมพลังที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อจะต่อสู้กับโรคและความเจ็บป่วยที่มาเยือน
แม้ว่ายังไม่มีคำตอบที่กระจ่างชัดถึงการดูดซึมและบทบาทของสารอาหารแต่ละชนิดที่มีต่อร่างกาย แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าวิตามินและแร่ธาตุบางตัวสามารถช่วยให้ร่างกายมีศักยภาพที่จะต่อสู้กับโรคร้ายได้ อาทิ วิตามินอี ที่ช่วยลดการติดเชื้อได้ และทำให้การทำงานของภูมิคุ้มกันดีขึ้น
“อนุราช ชานการ์” นักวิจัยจากฮาร์วาร์ด สกูล ออฟ พับลิก เฮลท์ กล่าวว่า ในการสร้างเซลล์คุ้มกันเพื่อต่อกรกับการติดเชื้อนั้น หากร่างกายไม่ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถผลิตเซลล์คุ้มกันที่ร่างกายต้องการ จึงเป็นไปได้ยากที่จะจัดการกับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉะนั้น ผู้ที่ขาดสารอาหารจะมีความเสี่ยงมากกว่า โดยจากการทดลองของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาพบว่า สัตว์ทดลองที่ขาดสารอาหารไวรัสสามารถกลายพันธุ์และแข็งแกร่งขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ ซึ่งหากมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นแล้ว แม้จะได้รับสารอาหารครบถ้วนก็อาจพ่ายต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ร้ายกาจกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่คนที่ขาดสารอาหารจะมีความเสี่ยง แต่ความตุ้ยนุ้ยเกินพอดีก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เพราะความอ้วนทำให้เจ้าของร่างกายอ่อนแอกว่าเชื้อโรคอย่างไวรัส ไข้หวัด ขณะที่อาหารฟาสต์ฟู้ดมีวิตามินและแร่ธาตุต่ำ ไขมันอิ่มตัวยังทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งล้วนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
“เมลินดา เอ.เบ็ก” นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาพบว่า จากการศึกษาในหนูทดลองมีหนูตัวผอมแค่ 4% ที่ติดเชื้อไข้หวัดและตาย เทียบกับหนูตัวอ้วนที่มีอัตราการตาย 40-60% หลังติดเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนอ้วนที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแกร่งได้ ซึ่ง
“โดนัลด์ เฮนสรัด” จากเมโย คลินิกบอกว่า เมื่อคนอ้วนเจ็บป่วยภูมิคุ้มกันในร่างกายจะไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการระบุว่า การเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และลดการบริโภคไขมันทรานส์แฟต และไขมันอิ่มตัวอื่น ๆ จากสัตว์ รวมถึงน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว แต่ควรจะบริโภคน้ำมันมะกอกแทน
ผลสำรวจจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ในปี 2550 พบว่าผู้ใหญ่ชาวอเมริกันบริโภคผักและผลไม้น้อยกว่าที่แนะนำไว้ที่ 5 ส่วนบริโภค (5 servings) ในแต่ละวัน ขณะที่ผลการศึกษาของฮาร์วาร์ดที่สำรวจชายและหญิง 110,000 คน ในปี 2547 พบว่าผู้ที่บริโภคผักและผลไม้เฉลี่ย 8 ส่วนบริโภค หรือมากกว่านั้นจะมีอัตราการหัวใจวายลดลง 30% เทียบกับผู้ที่บริโภคผักผลไม้แค่ 1.5 ส่วนบริโภคต่อวัน
แต่การโหมเสริมวิตามินและแร่ธาตุด้วยการบริโภคอาหารเสริมและวิตามินเม็ดก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีเท่ากับที่อยู่ในอาหาร และหากบริโภคมากเกินพอดีก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน
ที่มา:หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
Update: 03-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร