การจัดการแรงงานข้ามชาติ
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและแรงงานข้ามชาติกลุ่มจังหวัดภาคใต้ ร่วมกับโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติและผู้มีปัญหาสถานะบุคคลภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้จัดประชุมสัมมนาหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติในพื้นที่4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต ณ โรงแรมทิดีนี จังหวัดระนอง
“วิน ดวงแข”ผู้จัดหางานจังหวัดระนองรายงานถึงสถานการณ์แรงงานข้ามชาติในจังหวัดระนองอย่างน่าติดตามว่าเนื่องจากอาณาเขตในทิศตะวันตกของจังหวัดระนองติดกับประเทศพม่า โดยมีเส้น
แบ่งเขตเป็นแม่น้ำกระบุรีและทะเลอันดามันจึงทำให้เอื้อต่อการเดินทางเข้ามาของแรงงานข้ามชาติทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย หน้าที่ของเราคือต้องทำให้แรงงานข้ามชาติทุกคนเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายให้ได้
ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาเรื่องการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาติยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลัก ๆมาจาก
1.สภาพที่ตั้งเอื้ออำนวย เช่น ทางน้ำมีเกาะ 62 เกาะ และมีอาณาเขตทางน้ำ91 กิโลเมตรที่ยากต่อการตรวจสอบ
2.ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและปัจจัยภายในประเทศพม่า
3.ปัจจัยการขาดแคลนแรงงาน ความต้องการของนายจ้าง50,000 กว่าตำแหน่งซึ่งแรงงานของจังหวัดระนองมีไม่พอและเป็นแรงงานในระดับล่างที่คนไทยไม่อยากทำ
ปลัดอำเภอเมืองระนอง”ธีรยุทธ คงคล้าย”ขยายความว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดขณะนี้ในเรื่องแรงงานข้ามชาติ คือ เรื่องของเด็กที่เกิดขึ้นจากแรงงานข้ามชาติที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน แล้วไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติได้ก็จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศเพราะไม่สามารถส่งกลับประเทศได้ และที่มากกว่านั้นเด็กที่เกิดในประเทศไทยก็จะมีความผูกพันกับแผ่นดินที่เกิด
ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ ทำอย่างไรเด็ก ๆ เหล่านี้และแรงงานข้ามชาติต่าง ๆ จะได้มาอยู่รวมกันอย่างมีความสุข
“เรื่องของบุคคลเป็นเรื่องของสิทธิพื้นฐานที่เราจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาต่อไปให้ได้”
ด้าน”ปฏิเวธ เพชรทะนันท์”สาธารณสุขอำเภอเมืองระนอง มองในมุมของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ว่าต้องพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆกันโดยต้องไม่คำนึงถึงสัญชาติและวงศ์ตระกูล ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของสาธารณสุขอำเภอหลายแห่งได้มีนโยบายให้จัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลเรื่องของแรงงานข้ามชาติและแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง
“ที่ผมดูแลอยู่คือศูนย์ ศสมช. เมื่อแรงงานไทยกับแรงงานต่างชาติรวมกันอยู่อย่างแยกกันไม่ออก จึงได้มีการปรับเปลี่ยนให้มีการจัดการศูนย์ ศสมช.ไทย-พม่า ในการเข้าถึงยาและเข้าถึงกระบวนการในการส่งต่อผู้ป่วย มีการจัดการส่งต่ออย่างเป็นระบบ ส่วนเรื่องการพื้นฟูสุขภาพนั้นเราเน้นเรื่องความพิการตลอดจนการดูแลถึงบ้านถึงชุมชน”
สาธารณสุขอำเภอเมืองระนอง สะท้อนมุมมองพร้อมบอกต่อไปว่า การพัฒนาในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ สิ่งแวดล้อมทุกอย่างหนีไม่พ้นการบริหารจัดการที่ดี ในทุกระดับตั้งแต่ในระดับผู้บริหาร ผู้สนับสนุนร่วมไปถึงพี่น้องประชาชน แรงงานข้ามชาติ
ดังนั้น สิ่งสำคัญในการจัดการเรื่องนี้คือ ความชัดเจนเรื่องนโยบาย ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความจริงใจในบทบาทของตัวเอง ในขณะที่แรงงานข้ามชาติก็ต้องเข้าใจในสิทธิของเขาที่พึงมี
ที่สำคัญที่สุดตัวเงินที่จะใช้ต้องมีเพียงพอที่จะพัฒนาสิ่งนั้น ๆ ได้ ด้วยเหตุนี้การได้มาของเงินทุกภาคส่วนต้องบูรณาการกิจกรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
“ถ้าทุกองค์กรเอางบประมาณมาผนวกเข้าด้วยกันก็จะทำให้การทำงานไม่เกิดความซ้ำซ้อน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะร่วมกันดำเนินการนั้นจะต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย”ชี้ให้เห็นแนวทางการดำเนินงาน
ในตอนท้าย “ธีรยุทธ” ย้ำว่า สิ่งที่เราจะต้องเร่งมือทำในอันดับแรก คือ ควรจะเปิดเสรีในเรื่องการจดทะเบียนพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้สู่โหมดที่ถูกกฎหมาย ยกตัวอย่างหากฝ่ายทะเบียนเก็บเงินแรงงานข้ามชาติ80 บาท สาธารณสุขเก็บ1,900 บาทจัดหางานจังหวัดเก็บเงินอีก1,900 บาทเราจะนำเงินเหล่านี้ให้เข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างไร
รัฐจะอุดหนุนหรือจะขายบัตรสุขภาพเท่าไรจึงจะเหมาะสม ทุกคนมีเลข13 หลักซื้อบัตรได้หรือเราจะต้องกำหนดไปเลยหรือไม่ การให้ความรู้ปัญหาด้านสาธารณสุขการตรวจสุขภาพ องค์กรในพื้นที่จะรณรงค์ในเรื่องเหล่านี้ต่อไป
วันนี้ต้องยอมรับว่า แรงงานข้ามชาติเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ที่รัฐบาลต้องจัดการแบบเร่งด่วน เพราะวันนี้แรงงานข้ามชาติมิได้กระจุกอยู่แค่จังหวัดชายแดนใต้ แต่กระจายอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยหากละเลยสังคมไทยอาจต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ ๆ อีกมากมาย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
Update 03-05-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่