การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
วันนี้ต้องยอมรับว่าในระดับครัวเรือนนั้น ยังพบว่ามีการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะอันตรายปะปนกับขยะทั่วไปอยู่มาก
นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอ นิกส์ และขยะอันตรายนั้น ภาพรวมมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแล อยู่ แต่ในแง่ของครัวเรือนจะมี พ.ร.บ.การสาธารณสุข ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำไปปรับเพื่อออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเป็นของตัวเอง ซึ่งยังทำได้ไม่มากนัก ปัญหาหนึ่งที่เราพบ คือ การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก กรมอนามัยจึงร่วมกับ อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการศึกษาว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะ หามาจากไหน เพื่อทำให้การทำงานมีความคล่อง ตัวขึ้น อาทิ การให้ภาครัฐเป็นคนดูแล เพิ่มภาษีผู้ประกอบการต่าง ๆ หรือเก็บค่าจัดการขยะจากแต่ละครัวเรือน ยังไม่มีข้อสรุปเพราะเข้าใจว่า มีผลต่อการจัดการ โดยเฉพาะผลต่อการคัดแยกขยะ
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมอนามัยยังเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความรู้กับประชาชน ผ่านภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในเรื่องของการคัดแยกขยะ วันนี้ต้องยอมรับว่าในระดับครัวเรือนนั้น ยังพบว่ามีการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะอันตรายปะปนกับขยะทั่วไปอยู่มาก เช่น แบตเตอรี่ หลอด ไฟ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงพวกขวด กระป๋องสเปรย์ต่าง ๆ ทำให้จัดการยาก ทั้งนี้ปัจจุบันมีการแบ่งขยะออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1.ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะอันตราย จำพวกแบตเตอรี่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นต้น 2.ขยะติดเชื้อ มูลฝอยติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นขยะจากสถานพยาบาล และครัวเรือนที่ต้องให้การดูแลผู้ป่วย 3.ขยะทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่สามารถนำกลับมาทำประโยชน์ได้ใหม่ หรือการรีไซเคิล ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ พลาสติก แม้กระทั่งเศษอาหาร นำมาทำเป็นปุ๋ยชีวภาพได้ ส่วนที่เป็นขยะจริง ๆ จากการวิจัยพบว่าหากมีการจัดการดี ๆ จะมีขยะที่ใช้งานไม่ได้จริง ๆ เพียงร้อยละ 15 ปัจจุบันพฤติกรรมของคนไทย ยังมีการแยกขยะน้อย ทำให้มีการนำขยะกลับมารีไซเคิล ได้เพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้น ที่เหลือกลับกลายเป็นขยะที่ไม่ถูกนำมาใช้ประโยชน์
ต่อข้อถามว่าปัญหาส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนไม่แยกขยะ เป็นเพราะทางการไม่ได้จัดหาถังขยะแยกให้หรือไม่ ทุกอย่างยังถูกทิ้ง รวมในถังขยะใบเดียว นพ.ดนัย ตอบว่า ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่ง วันนี้ที่มีการจัดการดีหน่อย ยังพบว่าอยู่ในพื้นที่เขตเมือง หรือเขตปกครองพิเศษ เช่น กรุงเทพฯ เทศบาล เป็นต้น ซึ่งยังไม่มากพอ ตรงนี้คิดว่าอาจจะใช้วิธีการที่ท้องถิ่นออกข้อกำหนดไปเลยว่าจะเก็บขยะอันตราย ขยะพิษช่วงเวลาไหน แยกออกจากการเก็บขยะทั่วไป เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่ต้องเอาขยะมาทิ้งรวมกัน ทำให้ยากต่อการจัดการ เข้าใจว่าในระดับครัวเรือนนั้น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ขยะอันตรายนั้นอาจจะมีไม่มาก ดังนั้นช่วงเวลาที่มาเก็บ อาจจะยาวนานหน่อย เช่น เก็บเฉพาะวันอังคารแรกของเดือน หรือเก็บทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือน เป็นต้น หลายพื้นที่โดยเพราะเมือง และเขตปกครองพิเศษ เริ่มมีระบบจัดการที่ดี ที่เป็นปัญหาคือท้องถิ่นขนาดเล็ก ยังไม่มีระบบจัดการ ตอนนี้กรมฯประสานกับกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น จัดให้ อปท. มีการประเมินคุณภาพ ระบบการจัดการอนามัย สิ่งแวดล้อม ถ้าพื้นที่ไหนทำได้อย่างถูกต้องมีคุณภาพ และทำได้ดีก็มีการมอบประกาศนียบัตรให้ ซึ่งวันนี้มียังไม่มาก.