“กระจกส่องจิ๋ม”

“กระจกส่องจิ๋ม”


 


 ผู้หญิงกับความสวยงาม ใครๆ ก็รู้เป็นของคู่กัน และในปัจจุบันหญิงไทยเรากลับยิ่งให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แต่เรื่องความสวยความงามภายนอกเท่านั้น การดูแลเอาใจใส่สุขภาพแบบไหนที่ว่าดี ทำแล้วดูดีเปร่งปรั่ง สวยขึ้นมาได้แทบจะพลิกแผ่นดินสรรหามาดื่ม มากินกัน แต่!! คุณมองข้ามอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า? อย่างการดูแลสุขภาพภายในล่ะ!!! จะมีสักกี่คนที่นึกถึงเรื่องนี้…


 ซึ่งจากสถานการณ์ของผู้หญิงไทยเรื่อง “มะเร็งปากมดลูก” ยังคงเป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งปัจจุบันมีหญิงไทยป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูกแล้วประมาณ 3.5 หมื่นคน มีคนไข้ใหม่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึงปีละ 7,000 คน และที่น่าตกใจเมื่อมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคนี้ถึงวันละ 7 คน


 โดย รศ.นายแพทย์วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ หัวหน้าหน่วยมะเร็งนรีเวช ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่คงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องมะเร็งปากมดลูกมาบ้าง แต่มักคิดกันว่าเป็นเรื่องไกลตัว และคิดว่าตนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงเพราะมีสามีคนเดียว แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ และสถิติล่าสุดในประเทศไทย พบเด็กหญิงอายุ 12 ปี เป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว


 โรคมะเร็งปากมดลูกโดยปกติมักไม่ค่อยแสดงอาการ แต่จะแสดงอาการเมื่อเป็นแล้ว 10 – 15 ปี หรือก้าวเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือ 3 ไปแล้ว สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อ Human Papilloma Virus หรือ "เอชพีวี" ซึ่งชอบอยู่บริเวณผิวที่มีความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะเป็นซอกเล็บ ปาก โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนโสด แต่งงาน และมีคู่นอนคนเดียว หรือมีคู่นอนหลายคน ก็มีโอกาสติดไวรัสชนิดนี้ได้ทั้งนั้น แต่กรณีของคนที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งมีโอกาสมีคู่นอนหลายคน จะมีความเสี่ยงสูงมากกว่าคนอื่น


 โรคนี้ถึงแม้จะสามารถรักษาให้หายได้หากพบในระยะแรก แต่ตัวการหลักที่ทำให้หญิงไทยมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคนี้ก็เป็นเพราะ “ความอาย” ที่จะไปตรวจภายในประจำปี อย่าว่าแต่จะไปเปิดให้คุณหมอที่ไม่รู้จักมักคุ้นตรวจเลย แค่ก้มลงมองจุดซ่อนเร้นของตัวเองยังดูเขินอาย ไม่กล้าพูดถึง และนั่นก็เป็นต้นเหตุ…


ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ “มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง” เกิดแรงผลักดันที่อยากให้สาวไทยหันมาเริ่มให้ความใส่ใจกับจุดเร้นลับของตัวเองเพื่อที่จะได้รู้เท่าทันเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นด้วยการใช้ “กระจกส่องจิ๋ม”


 น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้ประสานงานมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “กระจกส่องจิ๋ม” อาจจะไม่ได้มีหน้าตาแตกต่างไปจากกระจกธรรมดามากนัก เป็นแค่กระจกบานเล็กๆ ที่ไว้ส่องอวัยวะเพศ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วยตัวเอง


 ซึ่งการตรวจภายในด้วยตนเองสามารถทำได้ ในต่างประเทศมีการรณรงค์ให้ตรวจภายในด้วยตัวเอง โดยการส่องดูอวัยวะเพศ จะทำให้มองเห็นว่ามีรอยแดง หรือมีอาการบวมผิดปกติหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคบางอย่าง เช่น รอยแดง อาจเป็นสัญญาณของปากช่องคลอดอักเสบ มะเร็งปากช่องคลอด อาการบวม อาจเป็นสัญญาณของการถูกแมลงกัดต่อย อาการของโรคไต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือหากมองเห็นว่ามีไฝหรือจุดสีคล้ำ ดำ ก็ควรหมั่นสังเกตว่าจุดเหล่านี้เข้มขึ้นหรือใหญ่ขึ้นหรือเปล่า มีตุ่มน้ำ อาจเกิดจากเริมหรือผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศได้


 สำหรับการตรวจภายในด้วยตัวเองนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ จากนั้นจัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรให้เห็นอวัยวะเพศของตัวเองได้ดีที่สุด แล้วหากระจกที่สามารถใช้ถือมา 1 บาน ตามด้วยใช้มือข้างหนึ่งที่ถนัดแยกแคมใหญ่ออกจากกัน มองและคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ก้อน ตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำ แผลรอยบวม หรือมีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป และใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกัน ตรวจหาความผิดปกติต่างๆ ตรวจดูที่บริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีอาการบวมแดงหรือมีแผลหรือไม่ จากนั้นใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด กดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน สังเกตตกขาว ถ้าเป็นสีขาวขุ่นเป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แสดงว่าปกติ แต่ถ้ามีลักษณะคล้ายคราบนมที่เด็กแหวะออกมา และมีอาการคันแสดงว่าอาจมีเชื้อราหรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ถึงเวลาที่ต้องไปพึ่งคุณหมอสูติฯ แล้ว


 


            ต่อด้วยใช้นิ้วมือคลำบริเวณส่วนล่างของแคมใหญ่ทั้งสอง โดยใช้นิ้วมือหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ ดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือเปล่า เพราะเป็นตำแหน่งของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นในช่องคลอดซึ่งท่อที่ปล่อยมูกนี้เจอปัญหาอุดตันได้บ่อย ถ้าคลำได้เป็นก้อนนิ่มๆ ก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อักเสบเป็นหนองได้ สุดท้ายตรวจบริเวณฝีเย็บและรูทวารว่ามีก้อนเนื้อที่เรียกว่า ริดสีดวงทวารหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีรักษาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะลำบากเวลาขับถ่าย


 


ถึงแม้จะมี “กระจกส่องจิ๋ม” และรู้ขั้นตอนต่างๆ แล้ว การไปพบคุณหมอสูติฯ เพื่อตรวจภายในปีละครั้ง ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน อย่ามัวแต่ “อาย” เพราะกันไว้ก่อนก็ยังดีว่าตามรักษากันภายหลัง!!! สำหรับผู้ที่สนใจ “กระจกส่องจิ๋ม” สามารถติดต่อขอรับได้ที่มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง โทร. 02-591-1224


 


เรื่องโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th


 


 


Update:09-06-52


อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฐภัทร ตุ้มภู่


 

Shares:
QR Code :
QR Code