ไวรัสหวัดใหญ่เปลี่ยนสายพันธุ์ วัคซีน ป้องกันได้แค่ 30%
ที่มา : มติชน
แฟ้มภาพ
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสฯ เผยผลตรวจตัวอย่างเชื้อจากผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ พบชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 เปลี่ยนสายพันธุ์ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่อยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง แนะประชาชนดูแลสุขภาพ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Yong Poovorawan" ถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2560 ระบุว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปีนี้พลิกล็อกอย่างมาก ทำให้วัคซีนที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ โดยรวมป้องกันได้ร้อยละ 30 โดยเฉพาะเชื้อเอช 3 เอ็น 2 (H3N2) ที่สายพันธุ์แตกต่างจากสายพันธุ์ในวัคซีนอย่างมาก ทำให้ที่ผ่านมา เมื่อศูนย์ไวรัส จุฬาฯ ตรวจสอบเชื้อไข้หวัดเกือบ 7,000 ตัวอย่าง จึงพบไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 (A H3N2) มากที่สุด ส่วนไข้หวัดใหญ่ชนิดบี ต้นปีเป็นสายพันธุ์วิกตอเรีย (Victoria) แต่พอปลายปีเปลี่ยนสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว มากกว่าที่คาดการณ์ไว้เป็นสายพันธุ์ยามากาตะ (Yamagata)
"ส่วนไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 (A H1N1 2009) ยังคงเดิม ซึ่งในปีหน้าองค์การอนามัยโลกได้กำหนดสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ A H3N2 เป็นสายพันธุ์สิงคโปร์ ที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ และคาดว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ปีหน้าจะเป็น Yamagata สายพันธุ์ภูเก็ต ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วัคซีนในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่" ศ.นพ.ยงระบุ
ทั้งนี้ ศ.นพ.ยง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ฉีดในปี 2560 ว่า หากเป็นวัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ ซึ่งใช้ในโรงพยาบาลของรัฐ จะเป็นสายพันธุ์ A H1N1 2009 มิชิแกน, A H3N2 ฮ่องกง และสายพันธุ์ B วิกตอเรีย ส่วนวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ ที่ใช้ในโรงพยาบาลเอกชน จะเพิ่มสายพันธุ์ B ยามากาตะ ทั้งนี้ แต่ละปีไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี จึงต้องมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี และต้องฉีดวัคซีนกันทุกปี แต่ในปี 2560 องค์การอนามัยโลกไม่ได้เปลี่ยนสายพันธุ์ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ยังคงใช้เหมือนปี 2559 เนื่องจากคาดการณ์ว่าการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่จากการตรวจของศูนย์ไวรัส จุฬาฯ จำนวน 6,655 ตัวอย่าง พบว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่แตกต่างจากสายพันธุ์ที่มีอยู่ในวัคซีน
"สายพันธุ์ A H1N1 มิชิแกน ยังเป็นไปตามคาดการณ์ แต่ที่ผิดไปจากการคาดการณ์คือ สายพันธุ์ A H3N2 ซึ่งในวัคซีนเป็นสายพันธุ์ฮ่องกง แต่ช่วงต้นปี 2560 ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ลอนดอน และช่วงครึ่งปีหลังเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์สิงคโปร์ ทำให้องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปี 2561 เป็นสายพันธุ์ A H3N2 สิงคโปร์ ส่วนสายพันธุ์ B ในวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น เป็นสายพันธุ์วิกตอเรีย เพราะมีการคาดการณ์ว่าจะระบาดมาก ซึ่งต้นปีก็มีการระบาดจริง แต่ช่วงครึ่งปีหลังก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็นยามากาตะ สายพันธุ์ภูเก็ต อย่างไรก็ตาม การที่สายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องปกติ แม้จะส่งผลให้ประสิทธิภาพของการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง คืออาจพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ความรุนแรงของโรคไม่ได้มากขึ้น ดัง
นั้นประชาชนไม่ต้องกังวลใจ แต่ขอให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคได้"