ไม่เจ็บ ไม่เตี้ย ไม่ป่วย..ง่ายๆ แค่ดื่มนม
นม นม นม…ขึ้นชื่อว่าเป็น “นม” ไม่ว่าจะเป็นนมเปรี้ยว นมหวาน นมจืด ทุกชนิดล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น เพราะเป็นแหล่งรวมของวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ มากมาย และสามารถรับประทานได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยชรา เรียกว่า ยิ่งดื่ม ยิ่งดีต่อสุขภาพค่ะ…แต่ประโยชน์ที่นมมีคงไม่อาจเกิดได้ หากคนไทยไม่ดื่มนม!!!
ที่ต้องกล่าวเช่นนี้ เพราะจากการบอกเล่าของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า คนไทยดื่มนมเพียง 14.19 ลิตร ต่อคนต่อปี ซึ่งสวนทางกลับการผลิตที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตนมดิบได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อัตราบริโภคนมโดยเฉลี่ยของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และของทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตร ต่อคนต่อปี!!!…จากตัวเลขดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุคนไทยส่วนใหญ่จึงประสบกับปัญหาขาดแคลเซียม จนต้องเผชิญหน้ากับภาวะโรคกระดูกพรุนเมื่อย่างเข้าสู่วัยทำงานและวัยสูงอายุในที่สุด
ทำไมต้องดื่มนม…?
คำถามที่ใครๆ ต่างก็รู้คำตอบกันอยู่แล้วว่าที่ต้องดื่มนั้น เป็นเพราะ “นม” คือแหล่งอาหารที่ดีที่สุด เพราะอุดมไปด้วย แร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายต้องการมากมาย อาทิ โปรแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ นอกจากนี้ “นม” ยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารอย่าง โปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน เป็นต้น
หากดื่มนมตั้งแต่อายุน้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปร่างกายของคนเราจะค่อยๆ เริ่มสูญเสียกระดูกมากกว่าที่จะสร้างกระดูก วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยรักษากระดูก และเกิดการสูญเสียกระดูกน้อยที่สุดคือการดื่มนมเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้ สารอาหารที่มีอยู่ใน “นม” ยังให้ความสดชื่น ไม่แตกต่างจากการดื่มน้ำ เพราะการดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นได้เช่นกัน
ดื่มเท่าไหร่ถึงจะดี…?
ความต้องการสารอาหารในนม ในแต่ละวัยนั้น ย่อมแตกต่างกันไป โดยในวัยเด็กควรได้รับแคลเซียม 800 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากเป็นเด็กแรกเกิดควรให้ดื่มนมจากอกแม่ จนถึงอายุ 2 ปี เพื่อให้ลูกน้อยได้รับวัคซีนหยดแรกจากสายน้ำนมที่อุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด และเมื่อเข้าสู่ขวบปีที่ 3 จนถึงวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกดื่มนมวันละ 3 แก้วถึง 1 ลิตร เพื่อให้ลูกได้รับปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอ ซึ่งจะมีผลต่อความสูงและการสร้างเนื้อกระดูกให้มีความหนาแน่น อันจะเป็นประโยชน์ในช่วงบั้นปลายของชีวิต ในการป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ส่วนในวัยผู้ใหญ่ไปจนถึงวัยสูงอายุ ควรได้รับแคลเซียม 1,000 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือดื่มนมวันละ 3 แก้ว เพื่อนำแคลเซียมไปเติมเต็มความแข็งแรงให้กับกระดูกและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ คุณแม่ที่กำลังอุ้มท้องเจ้าตัวน้อยอยู่ ควรได้รับแคลเซียม 1,500 – 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือดื่มนมให้ได้ 1 ลิตรต่อวัน เพราะร่างกายต้องการแคลเซียมทั้งเพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันของตนเองแล้ว ยังต้องการแคลเซียมเพื่อนำไปช่วยพัฒนาโครงสร้างร่างกายของทารกในครรภ์ด้วย แต่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม ในแต่ละวันทุกคนก็ควรดื่มนมให้ได้ 1-2 แก้วต่อวัน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ก็จะช่วยให้กระดูกและฟันของเราแข็งแรงยิ่งขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การดื่มนมจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ไม่ควรรับประทานเกินขนาดและปริมาณที่ระบุไว้ข้างต้น เพราะหากรับประทานเกินความจำเป็นจะส่งผลให้ร่างกายมีธาตุฟอสฟอรัสมากเกิน ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสลายกระดูกอีกต่อหนึ่ง ซึงเป็นเรื่องที่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ
นมจืด นมหวาน นมเปรี้ยว ดื่มแบบไหน ยังไงดี…?
โดยปกติแล้ว คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่จะเป็นคนซื้อนมมาให้ลูกๆ ดื่มตามรสชาติที่ลูกๆ ชอบ ทั้งนมรสสตอร์เบอร์รี่ รสช็อคโกแลต รสหวานต่างๆ เพราะคิดว่าไม่ว่าจะนมรสชาติไหนก็ล้วนให้ประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนๆ กัน โดยหารู้ไม่ว่ากำลังทำร้ายสุขภาพของลูกรักอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะจากการบอกเล่าของ กองโภชนาการ กรมอนามัย พบว่า หากเอานมโคสดแท้หรือนมรสจืด นมปรุงแต่งรสหวาน นมเปรี้ยว ปริมาณ 100 มิลลิลิตร มาเปรียบเทียบคุณค่าสารอาหาร อาทิ แคลเซียม จะพบว่า นมโคสดแท้ให้แคลเซียม 135 มก. นมหวาน 102 มก. นมเปรี้ยว 70 มก. มาดูเรื่องโปรตีน พบว่า นมโคสดแท้ให้โปรตีน 3.3 กรัม นมหวาน 2.3 กรัม นมเปรี้ยว 1.3 กรัม จะเห็นว่า นมจืด จะให้สารอาหารที่จำเป็นสูงที่สุดขณะที่ทั้งนมหวานและนมเปรี้ยวจะทำให้เด็กอ้วนได้มากกว่า เพราะมีการเติมน้ำตาลซึ่งมีแคลอรี่หรือพลังงานที่สูงกว่านมโคสดแท้ นอกจากนี้ นมสดรสธรรมชาติ ที่ถูกเติมน้ำตาลกลายเป็นนมหวาน เด็กจะเสี่ยงเป็นโรคฟันผุมากกว่าเด็กที่ดื่มนมจืด 2-3 เท่า!!!
เด็กตั้งแต่ 1 ขวบ ขึ้นไป สามารถดื่มนมได้ทุกชนิด แต่ที่เหมาะสำหรับเด็กที่มีอยู่ในวัยเจริญเติบโตคือ นมโคแท้ 100% และควรดื่มนมรสจืดดีที่สุด ส่วนวัยรุ่นและวัยกลางคน สามารถเลือกดื่มได้ตามใจชอบ แต่มีปัญหาโรคอ้วนหรือมีไขมันในเลือดสูงรวมถึงผู้สูงอายุ ควรดื่มนมพร่องมันเนยหรือขาดมันเนย เพราะจะมีไขมันน้อยดื่มแล้วไม่อ้วน และมีแคลเซียมสูงแต่ถ้าอยากดื่มนมโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวก็จะมีความหวานมากขึ้นเพิ่มแคลอรี่มากขึ้น ผู้สูงอายุบางท่านที่ดื่มนมไม่ได้ควรดื่มนมถั่วเหลืองแทนเนื่องจากได้โปรตีนจากถั่ว แต่จะต้องกินควบคู่ไปกับอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่นปลาเล็กปลาน้อย ก้างปลากรอบด้วย ซึ่งควรอ่านที่ฉลากเพื่อที่จะได้วางแผนการกินที่จะช่วยให้ร่างกายได้แคลเซียมแต่ละวันอย่างพอดีเช่นกัน
เรียกได้ว่า “นม” เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้คุณประโยชน์สำหรับทุกเพศทุกวัย และด้วยความมากประโยชน์นี้เอง ทำให้องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันดื่มนมโลก” เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการบริโภคนม…สสส.ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คนไทยดื่มนมด้วยเช่นกันค่ะ
อยากให้ตัวเองและลูกน้อยมีสุขภาพที่ดีก็ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ และอย่าดื่มนมเป็นประจำนะคะ…
ว่าแต่!!!วันนี้ คุณดื่มนมแล้วหรือยัง…?
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 26-08-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์