ไม่ควรกิน ‘ลูกชิ้นปลาเรืองแสง’
แชร์เพียบลูกชิ้นปลาเรืองแสงจากเยาวราช อย.ยันไม่มีอันตรายต่อคน แต่ไม่ควรกิน เหตุสะท้อนสุขลักษณะการผลิตไม่ดี เผยในไทยเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2553
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. น.ส.ทิพวรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพที่ระบุมีการไปซื้อลูกชิ้นปลาย่านเยาวราชแล้วพบการเรืองแสง ว่า เบื้องต้นนั้นในวันนี้ สำนักอาหารได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มเก็บตัวอย่างแล้ว ส่วนในปริมณฑลจะให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเก็บตัวอย่าง นำส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบ แต่เบื้องต้นการเรืองแสงของลูกชิ้นคาดว่าเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ 1.การปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรียประเภทโฟโตแบคทีเรียม ซึ่งสามารถผลิตสารเรืองแสงได้ โดยมากลับปลาที่อยู่ในทะเลน้ำลึกที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตลูกชิ้น ซึ่งอาจจะเกิดในระหว่างการผ่านความร้อน แต่ไม่มีการแยกภาชนะ และอาจจะมีการใช้ภาชนะปนกัน จึงส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนแบคทีเรีย หรืออาจเกิดจากการเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งกรณีลูกชิ้นปลาเรืองแสงเคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ส่วนไทยเคยพบเมื่อปี 2553
น.ส.ทิพวรรณ กล่าวว่า และ 2.เกิดจากการปนเปื้อนของแพลงก์ตอนกลุ่มไดโนเฟลกเอลเลต ซึ่งเป็นอาหารของปลา เมื่อเรานำปลาที่กินแพลงก์ตอนเข้าไปมาทำเป็นวัตถุดิบผลิตลูกชิ้น ก็จะส่งผลให้เกิดการเรืองแสงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเรืองแสงของลูกชิ้นไม่มีผลต่อมนุษย์ แต่อยากแนะนำว่าหากประชาชนจำเป็นต้องรับประทานก็ควรปรุงให้สุกก่อน ไม่แนะนำให้ลวกกินแบบสุกๆดิบๆ
"หากพบลูกชิ้นปลาเรืองแสงขอให้หลีกเลี่ยงการบริโภค เพราะแม้จะไม่มีรายงานว่ามีสารที่ก่อให้เกิดโรคในคน แต่การที่มีเชื้อแบคทีเรียในลูกชิ้นแสดงให้เห็นถึงสุขลักษณะของการผลิต และการเก็บผลิตภัณฑ์ที่อาจมีการเก็บไว้อย่างไม่เหมาะสม โดยวิธีการเลือกลูกชิ้นที่เหมาะสมจะต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีการจัดเก็บเหมาะสม มีฉลากครบถ้วน เช่น ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อสถานที่ผู้ผลิตวันเดือนปีผลิตและหมดอายุ และลักษณะภายนอกของลูกชิ้นจะต้องไม่ยุ่นหรือกรอบจนเดินไป ไม่มีเมือกหรือจุดสี มีสีและกลิ่นตามธรรมชาติ และหลังจากนำมาปรุงอาหารแล้วไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมงก่อนรับประทาน สำหรับผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนแสดงฉลากไม่ถูกต้องจะมีโทษตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข คือต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท" ผอ.สำนักอาหาร อย.กล่าว
ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต