ไทยติดอันดับ 3 โลก ยอดเสียชีวิตอุบัติเหตุ

 

องค์กรอนามัยโลก ระบุไทยติดอันดับ 3 ของโลก มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผย ทุกๆ 1 ชั่วโมงมีคนเจ็บ-ตาย 2 คน

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา องค์กรอนามัยโลก ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกกับโรงพยาบาลขอนแก่น แถลงผลการรายงานสถานะความปลอดภัยทางถนนโลก ปี 2556 และจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ ทำไมประเทศไทยถึงมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอยู่อันดับต้นของโลกเพื่อหาแนวทางแก้ไขและแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะในการบรรเทาผู้เสียจากอุบัติเหตุทางถนน

ดร.นิมา อัสการี รักษาการผู้แทนองค์การอานามัยโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า รายงานความปลอดภัยทางถนนของโลกปี 2556 (global stabal report on road 2013) พบอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยพุ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิต 38.1 รายต่อประชากร 1 แสนราย รองจากอันดับ 1 แสนราย อันดับ2 คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 รายต่อประชากร 1 แสนราย และองค์การอนามัยโลกกำลังเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะจากตัวเลขยานพาหนะที่จดทะเบียนทั่วโลกมีมากขึ้นร้อยละ 15 และในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอับุติเหตุเป็น 1.24 ล้านราย

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำถึงระดับปานกลาง มียอดผู้เสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 33 บางประเทศสูงถึงร้อยละ 75 และจากการสำรวจระหว่างปี 2550-2553 ใน 182 ประเทศ มีประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ ที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้อย่างน่าชื่นชม

นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า เป็นที่น่าตกใจที่ข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2554 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน รวมจากทุกพาหนะและคนเดินเท้าแล้ว แค่ 13,766 คน ต่างจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ที่ทำการประเมินในปีเดียวกัน มีจำนวนสูงถึง 26,312 ราย คิดเป็นอัตรา 38.1 ต่อประชากร 1 แสนราย เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ตัวเลขที่ต่างกันอาจเกิดจากวิธีการเก็บข้อมูลที่ต่างกัน ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุทางท้องถนนของประเทศไทยค่อนข้างวิกฤติมีคนเจ็บ คนตาย เฉลี่ยชั่วโมงละ 2คน และทุกคนมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก 

Shares:
QR Code :
QR Code