ไขเคล็ดลับความสำเร็จ “บ้านหนองกลางดง”

ฝ่ามรสุมล้มละลาย สู่ความมั่นคั่งในชุมชน

 

 ไขเคล็ดลับความสำเร็จ “บ้านหนองกลางดง”

          วันนี้ใบหน้าของคนในหมู่บ้านหนองกลางดงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะสามารถกลับมายืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ภายในระยะเวลาเพียง 12 ปี นับจากการเข้ารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหนองกลางดง ของ “โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์” ก็สามารถพลิกฟื้นชุมชนให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

         

          จากเดิมที่ชุมชนกำลังประสบภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจ มีหนี้สินรวมสูงถึง 18 ล้านบาท และ 80% ของที่ดินทำกินถูกจำนองในธนาคาร รวมถึงภาวะความล้มเหลวทางสังคม จากการพนันและยาเสพติด มาวันนี้เงินในกระเป๋าของคนในหมู่บ้านกลับเพิ่มขึ้น และ 75% ของที่ดินในหมู่บ้านกลับถึงมือเกษตรกร พร้อมกับคุณภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี

 

          ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วย นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านหนองกลางดง กิ่งอำเภอสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ของ “ผู้ใหญ่โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์” กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. เพื่อศึกษาวิธีการจัดการชุมชนที่ประสบผลสำเร็จ เพื่อใช้ในการขยายผลและต่อยอดในชุมชนอื่นๆ

 

          “ผู้ใหญ่โชคชัย” เผยเคล็ดลับความสำเร็จไว้ว่า วิธีการบริหารจัดการชุมชนอย่างได้ผลคือ การดึงคนในชุมชนเข้ามารวมกันแก้ไขปัญหาของตัวเอง แต่การดึงคนในชุมชนเข้าร่วมจัดการกับปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด

 

           แรกเริ่มผู้ใหญ่โชคชัย ใช้การจัดเวทีระดมความเห็นของคนในหมู่บ้าน เพื่อดึงคนเหล่านั้นมาร่วมในการแก้ไขปัญหาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นและยังไม่เกิดความตระหนักถึงความเป็นเจ้าของปัญหาที่ต้องลุกขึ้นมาแก้ไขด้วยตนเอง

 

           ผู้ใหญ่โชคชัย จึงได้หันไปจัดทำระบบฐานข้อมูลในชุมชน โดยเริ่มจากการออกแบบสำรวจและลงไปเก็บข้อมูลเชิงลึกจากคนในพื้นที่ ทำให้พบข้อมูลที่น่าตกใจ คือ ปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีที่ดินจำนวนมาก ยิ่งประสบปัญหาหนี้จำนวนมาก เพราะนำโฉนดไปจำนองธนาคารเพื่อดึงเงินอนาคตมาใช้

 

           จากการสำรวจในปี 2540 พบว่า ที่ดินกว่า 80% ในหมู่บ้านหนองกลางดง ถูกจำนองในธนาคาร เพื่อนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ รถกระบะ หรือสร้างบ้านราคาแพง และส่วนหนึ่งของผลพวงจากการถูกเอาเปรียบของโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร ที่พ่อค้าคนกลางและเจ้าของธุรกิจส่งออกทางการเกษตรรายใหญ่เป็นผู้ได้ประโยชน์

 

           ฐานข้อมูลที่ได้จากการลงไปเก็บแบบสำรวจ ถือเป็นกระจกสะท้อนถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในหมู่บ้านได้อย่างดี และทำให้คนในชุมชนเริ่มตระหนักถึงปัญหาร่วมกัน จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้ไปจัดระบบ พร้อมกับเชิญชวนชาวบ้านร่วมกันสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของการแก้ปัญหาและความต้องการในชุมชน

 

            ผู้ใหญ่โชคชัย เล่าว่า “สิ่งแรกที่คนในชุมชนต้องการมากที่สุดคือ การแก้ปัญหาหนี้สิน ที่มียอดรวมในหมู่บ้านสูงถึง 13 ล้านบาท จึงหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันด้วยการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เช่นการผลิตปุ๋ยชีวภาพแทนการใช้ปุ๋ยเคมี การเพิ่มมูลค่าผลผลิต จากเดิมในพื้นที่ปลูกสับปะรด 631 ไร่ แต่ผลผลิตเป็นลูกเล็กขายไม่ได้ราคา จึงของบองค์การบริหารส่วนตำบลสร้างโรงกวนสับปะรด จนเพิ่มมูลค่าได้ 1 – 2 ล้านบาทต่อปี รวมถึงการจัดทำร้านค้าชุมชน ปั๊มน้ำมัน ซึ่งมีการทำสัจจะร่วมกันในหมู่บ้านว่าจะไม่ซื้อของจากข้างนอก และการจัดตั้งกองทุนชุมชน กู้ยืมในดอกเบี้ยต่ำ”

 

           สำหรับกลไกการดึงคนในชุมชนเข้ามาบทบาท ได้ทำผ่าน “สภาผู้นำ” ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ว่า “ไม่มีใครเก่งทั้งหมด แต่ควรเอาคนเก่งในแต่ละเรื่องมารวมกัน และสร้างเป็นทีมบริหาร” ซึ่งวิธีการได้มาคือ ให้ชาวบ้านเป็นผู้คัดสรรคนดี คนเก่ง ในแต่ละกลุ่ม จนได้ตัวแทนจำนวน 56 คน

 

          “สภาผู้นำ” จะเป็นผู้เสนอแผนและทิศทางการพัฒนาให้กับคนในหมู่บ้าน เมื่อได้รับฉันทามติของคนในหมู่บ้านแล้ว จึงนำแผนหรือโครงการที่คิดไว้เสนอไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อจัดสรรงบประมาณสนับสนุน และเสียงของสภาผู้นำถือเป็นเสียงสำคัญที่องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องรับฟัง เพราะถือเป็นความอยู่รอดในการลงสมัครครั้งถัดไป เนื่องจากสภาผู้นำมีที่มาจากตัวแทนของแต่ละกลุ่มในหมู่บ้านนั่นเอง และสิ่งที่ได้รับจากการร่วมลงแรง คือผลสัมฤทธิ์ทางการเงิน และความเข้มแข็งของชุมชน

 

          มาวันนี้ที่ดินบ้านหนองกลางดง 72% กลับถึงมือเกษตรกรอีกครั้ง คนในชุมชนมีรายรับเพิ่มขึ้นจาก 16.6 ล้านบาท ในปี 2543 เป็น 35.2 ล้านบาท ในปี 2550 และมีหนี้สินลดลง จาก 13.8 ล้านบาท ในปี 2543 เหลือเพียง 7.8 ล้านบาท ในปี 2550

 

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากยิ่งกว่า คือ การรักษาความสำเร็จนั้นให้คงอยู่ ผู้ใหญ่โชคชัย มักย้ำเสมอว่า “การส่งไม้ต่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาบริหารจัดการ จะทำให้ความเข้มแข็งของหมู่บ้านหนองกลางดงคงอยู่ต่อไป

         

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update 15-05-09

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code