ให้เหล้าเท่ากับแช่ง
สสส.จับมือเครือข่ายงดเหล้ารณรงค์รับปีใหม่ "ให้เหล้า = แช่ง" ชวนคนไทยส่งความสุขมอบหนังสือเป็นของขวัญแทนน้ำเมา โพลล์ระบุประชาชนเกินครึ่งเห็นด้วยหากไม่ให้เหล้าเป็นของขวัญ ชี้ช่วยลดอุบัติเหตุ หลังยอดสูญเสียมากกว่าช่วงปกติ 2.5 เท่า
ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำเมา”เปิดใจ ฉลองปีใหม่เมาแล้วขับ ชนสิบล้อเพื่อนเสียชีวิต ตัวเองปางตาย วอนฉลองอย่างมีสติ-งดเหล้าในงานเลี้ยง
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.56 เวลา10.00 น.ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีชัยสมรภูมิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และภาคีเครือข่ายกว่า100 คน จัดกิจกรรมรณรงค์รับปีใหม่ “ให้เหล้า=แช่ง” เพื่อเชิญชวนคนไทยมอบของขวัญปีใหม่และไม่ทำร้ายกันด้วยของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ อาทิ แกะกล่องของขวัญยักษ์ จำลองสถานการณ์ 4 แช่ง ถ้าให้ของขวัญมีเหล้า คือ แช่ง1 ให้ผู้รับเสี่ยงกับอุบัติเหตุ แช่ง 2 ให้เสี่ยงกับโรคร้ายรุมเร้า แช่ง3 ให้เสี่ยงไปทำร้ายครอบครัว และแช่ง4 ให้เสี่ยงทะเลาะวิวาท จากนั้นร่วมกันเดินรณรงค์ แจกสติกเกอร์ โดยมีซานตาคลอสถือพวงหรีดระบุข้อความ “ให้เหล้า=แช่ง” บริเวณป้ายรถเมล์รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และปล่อยขบวนรถสามล้อพร้อมพวงหรีด
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) กล่าวว่า สำหรับการรณรงค์ให้เหล้า=แช่ง ในปีนี้มุ่งเน้นสื่อสารไปยังผู้ที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กันในช่วงปีใหม่ เราหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อลดการซื้อเหล้า หันมามอบของขวัญที่ไม่ทำลายสุขภาพ ปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจและสร้างความสุขความปลอดภัย เช่นการให้หนังสือดีๆ เป็นของขวัญ ที่ให้สติปัญญา และอยู่ได้นาน เป็นประโยชน์ต่อเนื่องจากผู้รับไปสู่คนอื่นได้ด้วย ซึ่งตรงข้ามกับน้ำเมาที่ทำลายสติปัญญา ดื่มแล้วหมดไป และทำร้ายคนที่เรารัก
สำหรับกิจกรรมรณรงค์ “ให้เหล้า=แช่ง” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่น่ายินดีและประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก ข้อมูลของเอแบคโพลล์ร่วมกับศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ในปี 2555 ระบุว่า ประชาชน 59.9 % มองว่าไม่ควรนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นของขวัญ เพราะเป็นการให้สิ่งที่เป็นโทษแก่ผู้อื่น อีกทั้งแนวโน้มให้เหล้าเป็นของขวัญลดลงทุกปี จากปี 2551 มี 30.5% และในปี 2555 ลดลงเหลือ13.1% อย่างไรก็ตาม สถิติการดื่มของไทยที่ดื่มต่อจำนวนประชากรทั้งหมดยังอยู่ในอัตราส่วน 1 ต่อ 3 หรือประมาณ 17 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่ดื่มประจำกว่า 7.5 ล้านคน ในขณะที่เรามีนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้นปีละ250,000คน ด้วยจำนวนใบอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากอย่างน่าตกใจ กว่า 600,000 ฉบับ ส่งผลให้การเข้าถึงทำได้ง่ายด้วยเวลาเพียง 5 นาทีในการหาซื้อได้ ที่น่าห่วงคือ อายุเฉลี่ยของเยาวชนทั้งหญิงและชายที่พบว่าเริ่มดื่ม อยู่ที่ 14 ปี ในขณะที่เคยพบอายุน้อยที่สุด 5 ขวบ
“อยากเชิญชวนคนไทยทุกสาขาอาชีพ ส่งมอบของขวัญที่ปลอดภัยไม่ทำร้ายกันด้วยของขวัญที่มีเหล้า เพื่อลดการดื่ม ลดอุบัติเหตุ อาชญากรรมให้น้อยลง เพราะหากดูช่วงเทศกาลจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าช่วงปกติถึง2.5เท่า คือ เฉลี่ย 87รายต่อวัน สาเหตุอันดับหนึ่งมาจากเมาแล้วขับ ส่วนช่วงเวลา 18.00 – 23.59น.จะเป็นเวลาเกิดเหตุอุบัติเหตุโดยมีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด และอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ห้างร้าน ให้จำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะหากมีการจัดกระเช้าพ่วงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางขาย ถือว่าผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”ภก.สงกรานต์ กล่าว
ด้าน นายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 32ปี ชาวอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ผู้ประสบอุบัติเหตุดื่มแล้วขับ กล่าวว่า ตนประสบอุบัติเหตุเมื่อปี 2553 จากการไปฉลองงานเลี้ยงปีใหม่ และงานเลี้ยงลาบวชเพื่อนในคราวเดียวกัน เมื่อสังสรรค์อย่างเต็มที่ทุกคนต่างเมา จากนั้นตนกับเพื่อนที่จะลาบวชได้นั่งรถกระบะมาด้วยกัน ซึ่งตนเป็นคนขับ ด้วยความห่วงกลัวว่าเพื่อนจะอาเจียนในรถจึงหันไปบอกให้เปิดกระจกรถออก จังหวะนั้นเป็นช่วงที่รถขับขึ้นสะพาน ประกอบกับไม่มีไฟฟ้าส่องทาง ทำให้ไม่เห็นรถสิบล้อที่วิ่งอยู่ด้านหน้า จึงชนเข้ากับท้ายรถสิบล้ออย่างแรง ทำให้น้องที่นั่งมาด้วยเสียชีวิต ส่วนตนศีรษะกระแทกกับตัวรถจนสลบ จากนั้นเพื่อนที่ขับตามมาจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล
“เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สูญเสียเพื่อนไปทั้งๆที่กำลังจะลาบวช และตนเองนอนกลายเป็นเจ้าชายนิทรานานนับเดือน หลังจากพักฟื้นร่างกายกลับจำอะไรไม่ได้สมองเลอะเลือน มีอาการผิดปกติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ สภาพร่างกายกว่าจะดีขึ้นต้องใช้เวลาหลายปี ตอนนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น การเดินไปไหนมาไหนต้องเป็นเส้นทางที่คุ้นเคย ส่วนภาระทั้งหมดตกอยู่ที่พ่อและแม่ที่คอยดูแลทุกอย่าง รวมถึงต้องส่งเสียค่าใช้จ่ายให้ลูกตนอีก 2คนให้ได้เรียนหนังสือ เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นานภรรยาได้ขอแยกทาง” นายสมชายกล่าว
นายสมชาย ยังได้ฝากข้อคิดเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า การใช้รถใช้ถนนไม่ควรประมาท การฉลองปีใหม่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ขาดสติ ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงทำให้ผู้นั่งมาด้วยผู้ร่วมทางเกิดปัญหา มันไม่มีอะไรดี ยิ่งผลร้ายที่ตามมาคือความสูญเสียทั้งคนรู้จักและครอบครัวเรา มันพรากทุกอย่างเอาอะไรกลับคืนมาไม่ได้ อยากวิงวอนให้ทุกคนเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ปลอดจากของมึนเมา มีสตินึกอยู่เสมอว่าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่ว่าตัวเองหรือคู่กรณีก็มีแต่ความสูญเสียทั้งนั้น
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข