ใส่ใจตรวจเช็กร่างกาย ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม
ที่มา : SOOK
แฟ้มภาพ
ด้วยรูปแบบการทำงานของคนยุคใหม่ที่ส่วนใหญ่นั่งติดโต๊ะทำงานและจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาการปวดที่มักเริ่มจากเล็กๆ น้อยๆ ไปจนเรื้อรังและรุนแรง กลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนจะสายเกินแก้ ลองสำรวจตัวเองและดูแลป้องกันตั้งแต่วันนี้
รู้ให้ทันโรคออฟฟิศซินโดรม
โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนวัยทำงานที่อยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม คือ นั่งทำงานตลอดเวลาโดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่งผลให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง และอาจมีอาการชาร่วมด้วยในบริเวณต่างๆ ได้แก่ หลังไหล่ บ่า แขน ฯลฯ หากปล่อยทิ้งไว้จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
ต้นเหตุของความปวด
- •นั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานด้วยท่าทางซ้ำๆ ติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
- •ท่าทางขณะทำงานไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังค่อมก้มหรือเงยคอมากไป
- •จ้องหรือเพ่งจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ไม่พักสายตาจนปวดตา ปวดศีรษะ
- •สภาพแวดล้อมที่ทำงานไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระ อากาศเหม็นอับไม่ถ่ายเท
- •เครียดมากเกินไปจากสาเหตุต่างๆ เช่น งานเยอะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
5 สัญญาณเตือนออฟฟิศซินโดรม
- ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังเฉพาะจุด บริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน สะบัก ฯลฯ อาจปวดร้าว ปวดล้าๆ บริเวณใกล้เคียง
- ร่างกายมีอาการซ่า วูบ เย็น เหน็บ ยึด ขนลุก
- ชาแขนและมือ อ่อนแรง
- มึน ปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรน
- นิ้วล็อค ข้อมือล็อค เส้นเอ็นอักเสบ เกิดพังผืด ยึดจับ ทำให้ปวดปลายประสาท
ระดับความรุนแรง
ระดับที่ 1 เมื่อเกิดอาการขึ้นระยะหนึ่งพักแล้วอาการจะดีขึ้นทันที สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง
ระดับที่ 2 เมื่อเกิดอาการขึ้น พักนอนหลับแล้ว แต่ยังคงมีอาการอยู่ ดูแลด้วยตนเองและพบแพทย์
ระดับที่ 3 เมื่อเกิดอาการจะปวดมากพักแล้วอาการก็ยังไม่บรรเทา พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง
6 วิธีง่ายๆ ปรับพฤติกรรมขณะทำงาน
1) ปรับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะให้นั่งสบาย นั่งหลังตรงชิดขอบด้านในเก้าอี้
2) กึ่งกลางจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตา กระพริบตาบ่อยๆ พักสายตาทุกๆ 10 นาที
3) แป้นคีย์บอร์ดในการพิมพ์งานควรอยู่ระดับข้อศอก ข้อมือ
4) ใช้เมาส์โดยพักข้อศอกบนที่รองแขน เคลื่อนไหวได้แบบไม่จำกัด
5) เปลี่ยนท่าทางการทำงานทุก 20 นาที
6) ยืดเหยียดกล้ามเนื้อมือและแขนทุก 1 ชั่วโมง